เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อนักพนันในบ่อนพื้นที่จังหวัดระยองได้เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นิคมพัฒนา หลังจากเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา ได้บุกเข้าจับกุมนักพนัน กำลังเล่นบ่อนการพนันกันอยู่ และสามารถรวบนักพนันได้ 13 คน เป็นหญิง 11 คน และ ชาย 2 คน
โดยญาติของนักพนันรายหนึ่งได้ให้การว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจจริงจะบุึกเข้ามา มีชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน ซึ่ง 2 คนในนั้นได้ลงมาตรวจ โดยอ้างว่าเป็น ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 เมื่อเหตุว่ามีการลักลอบเล่นการพนันจึงได้ขอเงินกับบรรดานักพนันจำนวน 380,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม ซึ่งทางนักพนันได้รวบรวมกันมาได้แค่ 170,000 บาท จึงทำการต่อรอง ซึ่งทางตำรวจปลอมดังกล่าวก็ไม่ได้ขัดอะไร และเมื่อได้รับเงินแล้วจึงได้ขับรถออกไปทันที
ขณะเดียวกัน ทางด้าน พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้แถลงเกี่ยวกับเหตุการดังกล่าวว่า ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวนจังหวัดระยอง และ ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา เร่งตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าวรวมถึงสอบสวนนักพนันว่าจะมีเบาะแสมากน้อยเพียงใด
ในขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นตำรวจจริงหรือปลอม ขอเวลาประมาณ 3 วัน จะมีข้อเท็จจริงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากพบว่ามีตำรวจจริงร่วมก่อเหตุ หรือเกี่ยวข้องกับการรีดไถเงินต้องรับโทษหนักทั้งทางวินัยและอาญา
นอกจากนี้ ข้อมูลจากภาพวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพรถกระบะ สีขาว ทะเบียนจังหวัดชัยภูมิที่ขับเข้าไปในบ่อนดังกล่าว ซึ่งในกล้องวงจรปิดได้เผยให้เห็นชายฉกรรจ์ 3 คน มีผมสั้นเกรียน ตรวจสอบเบื้องต้นไม่ใช่ชุดสืบสวนภาค 2 อีก 1 คนไว้ผมรองทรง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพลเรือน ส่วนอีกคนนั่งอยู่ในรถกระบะจึงไม่ทราบรูปพรรณ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็ขับรถกระบะออกไป เวลานี้ทีมสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบว่าทะเบียนรถกระบะดังกล่าวเพื่อหาผู้ครอบครอง หรือเป็นการสวมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม
อย่างไรก็ตามสำหรับ บ่อนการพนันที่เกิดเหตุ มี นายตี๋ เป็นคนดูแล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวมาระยะหนึ่งแล้ว จนทราบว่ามีการลักลอบเปิดเล่นพนันในบ้านร้าง อำเภอนิคมพัฒนา