รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า จากการรับสมัครผู้บริจาคพลาสมาในรอบแรกปีที่แล้ว ให้กลับมาเป็นฮีโร่ในโครงการวิจัยการใช้พลาสมาเพื่อเสริมการรักษาโรค เนื่องจากพลาสมาของผู้ป่วยที่หายจากโรคแล้วจะมีภูมิต้านทานต่อไวรัส สามารถนำไปใช้เสริมการรักษาผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพื่อป้องกันความรุนแรงของโรค โดยยับยั้งไวรัสก่อนที่จะเข้าไปทำลายเซลล์ปอดขั้นรุนแรงได้ ซึ่งพลาสมาที่รวบรวมได้ในขณะนี้ได้ถูกเบิกใช้จนหมดแล้ว จากการที่มีผู้ป่วยอาการหนักจำนวนมาก โดยมีการใช้ในผู้ป่วยแล้วกว่า 240 ราย
จากข้อมูลการรับบริจาคพลาสมาที่ผ่านมา พบว่าผู้สมัครเพศชายจะมีคุณสมบัติในการบริจาคพลาสมาได้มากกว่าเพศหญิง เนื่องจากมีภูมิต้านทานต่อเชื้อ COVID-19 มากกว่า และรักษาระดับอยู่ในร่างกายนานกว่าเพศหญิง มีเส้นเลือดบริเวณข้อพับแขนชัดเจนกว่าเพศหญิง ความเข้มโลหิตผ่านเกณฑ์มากกว่าเพศหญิงและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนของผู้รับมากกว่าเพศหญิง
ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า พลาสมาของผู้ที่หายจากโรค COVID-19 จะมีประโยชน์อย่างมากในการใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมและมีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ หากได้ให้ตั้งแต่เริ่มแรกจะได้ผลดี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวพบว่าสามารถป้องกันการดำเนินโรคไม่ให้ทรุดลง ทำให้ผู้ป่วยลดการใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งพลาสมาที่ใช้จะต้องมีระดับภูมิต้านทานสูง จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จึขอเชิญผู้ป่วย COVID-19 เฉพาะเพศชาย ที่หายดีแล้ว ไม่มีอาการและสุขภาพแข็งแรง มาบริจาคพลาสมา เพื่อใช้เสริมการรักษาโรคให้แก่ผู้ป่วย
ที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210506093829578