“ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าการแพร่ระบาดระลอกสามจะเกิดขึ้นช่วงไหน ซึ่งเราควรเตรียมพร้อมรับมือกับมัน โดยเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์จะแพร่ระบาดมากขึ้นทั่วโลกรวมถึงในอินเดียด้วย แต่มีแนวโน้มว่าสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่เพิ่มอัตราการแพร่ระบาดนั้นจะเพิ่มแตะระดับคงที่” รักฆาวานกล่าว
อินเดียกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสองอย่างรุนแรง โดยในวันพฤหัสบดี (6 พ.ค.) อินเดียพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 3,980 ราย สูงสุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 230,168 ราย ขณะที่พบผู้ป่วยเพิ่ม 412,262 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่มากกว่า 21 ล้านราย
รักฆาวานกล่าวว่าเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์แพร่ระบาดในลักษณะเดียวกันกับสายพันธุ์ต้นตอ โดยเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นเมื่อเข้าสู่ร่างกายของผู้ติดเชื้อ จากนั้นจึงค่อยแพร่ระบาดไปยังผู้อื่นอีกทอดหนึ่ง
รักฆาวานระบุว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีประสิทธิภาพต่อเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ในปัจจุบัน ทว่าเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดที่สามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันและชนิดที่มีอัตราความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้น จะพบได้มากขึ้นในอนาคต
คณะนักวิทยาศาสตร์ของอินเดียรวมถึงทั่วโลก กำลังทำงานเพื่อรับมือกับเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์เหล่านี้ โดยได้ดำเนินการแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างรวดเร็วและพัฒนาเครื่องมือที่ผ่านการปรับปรุงต่างๆ อันเป็นโครงการวิจัยแบบเข้มข้นที่เกิดขึ้นทั้งในอินเดียและต่างประเทศ
เมื่อวันพุธ (5 พ.ค.) ธนาคารทุนสำรองอินเดีย (RBI) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของอินเดีย ประกาศจัดสรรเงินจำนวน 5 แสนล้านรูปี (ราว 2.11 แสนล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับโรคโควิด-19
ชักติกานตา ดาส ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย ประกาศว่าภายใต้แผนดังกล่าว บรรดาธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ให้แก่หน่วยงานได้ในวงกว้าง อาทิ ผู้ผลิตวัคซีน ผู้นำเข้า-จัดส่งวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำคัญ โรงพยาบาลและร้านขายยา ห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยา ผู้ผลิต-จัดส่งออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจ ผู้นำเข้าวัคซีนและยาเกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 และบริษัทโลจิสติกส์ รวมถึงผู้ป่วยเพื่อใช้ในการรักษาโรคด้วย
ดาสกล่าวว่าภายใต้แผนดังกล่าว ธนาคารต่างๆ ได้รับแรงจูงใจให้ปล่อยสินเชื่ออย่างรวดเร็ว ผ่านการขยายขอบเขตด้านการจัดประเภทภาคส่วนที่สำคัญสำหรับการกู้ยืมประเภทนี้ ไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2022