เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก อดีตเชฟหนุ่มรายหนึ่ง ได้โพสต์เล่าเรื่องราวชีวิตของตนเอง สำหรับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นหลังกลับจากออสเตรเลียมาอยู่ประเทศไทย จากเชฟหนุ่มอนาคตไกล ต้องกลายเป็นผู้พิการ เนื่องจากอุบัติเหตุ แต่ได้รับเงินชดเชยจากคู่กรณีเพียง 50,000 บาทเท่านั้น และไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ เนื่องจากช่องโหว่ทางกฎหมาย
ผู้โพสต์ระบุว่า ผมเคยไปอยู่ออสเตรเลีย เกือบ 1 ปีและก็กลับไทยเพราะคิดถึงพ่อแม่แต่พอผมกลับไทยแล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น...แตกต่างกันอย่างไรบ้าง...อยากให้ทุกๆท่านสละเวลาสัก 1-2 นาทีดูรูปของผมพร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพ...ดูทีละรูปนะครับจะเป็นพระคุณกับผมเหนือคณานับมากๆ แล้วทุกท่านจะเห็นความแตกต่างขอบคุณนะครับ
สำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองที่ออสเตรเลีย มีบ้านสวยงาม ไม่มีสายไฟ เสาไฟฟ้าแบบประเทศไทย หลายครอบครัวที่ฝรั่งกับคนเอเชียอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่น กฎหมายจราจรบังคับใช้ 100% ตนเคยเห็นถนนที่ไม่มีรถสักคันแต่ไฟยังเขียวอยู่ คนจึงห้ามข้าม แต่มีคนนึงเดินข้ามทันทีเพราะไม่มีรถ จึงถูกตำรวจวิ่งเข้าไปรวบตัวและปรับข้อหาฝ่าฝืน
ค่าแรงขั้นต่ำที่นี่วันละ 100 ดอลลาร์ กฎหมายแรงงานที่นี่บังคับใช้ 100% เช่นกัน ตนเคยทำงานเกินเวลา 2-3 นาที นายจ้างทุกที่จ่ายค่า OT ให้เพิ่มทันทีและก็ขอโทษที่ทำให้ต้องเหนื่อยพร้อมกับขอบคุณที่ช่วยเหลือ
หลังจากกลับไทยมารับปริญญา ตนทำงานเชฟ นายจ้างบังคับทำ OT ทุกวัน แต่ไม่จ่ายค่า OT ให้ จึงทำให้ตนรู้สึกว่าไม่น่ากลับจากออสเตรเลียเลย จึงวิ่งเต้นและกำลังจะได้ไปเป็นเชฟที่แคนาดา ก่อนที่ตนจะไปเซ็นสัญญาอีกไม่กี่เดือน กลับประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บสาหัสก่อน โดยคู่กรณีเป็นลูกจ้างทำงานคอนเสิร์ตที่ขับรถกระบะซิ่งในเวลางาน จนตอนนี้ตนต้องกลายเป็นผู้พิการทุพพลภาพ
ผมได้เงินจากผู้ต้องหามา 5 หมื่นบาทเท่านั้น ผู้พิพากษาบอกว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาร้าย เป็นแค่อุบัติเหตุและช่วยมาแล้ว 5 หมื่น ดังนั้นไม่ควรให้ผู้ต้องหาติดคุกเพราะไม่เป็นธรรมแก่เค้า ปัจจุบันนี้ผู้ต้องหาทำงานรับเงินสด ไม่ยอมโอนเข้าบัญชีเพราะกลัวตนจะยึดทรัพย์ ฝ่ายนั้นกินและเที่ยวกับครอบครัวอย่างมีความสุขทุกๆวัน ซึ่งครอบครัวมีฐานะร่ำรวยระดับนึง
กฎหมายประเทศไทยระบุไว้ว่า
1.ยึดทรัพย์ได้เฉพาะผู้ต้องหาเท่านั้น ห้ามยึดทรัพย์ครอบครัวแม้จะร่ำรวยแค่ไหนก็ตาม
2.หากผู้ต้องหาทำงานฟรีแลนซ์ วินมอไซค์ หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่พนักงานกินเงินเดือน ให้ถือว่าผู้ต้องหาเป็นคนว่างงาน ไม่สามารถยึดทรัพย์ได้
3.หากผู้ต้องหาเป็นพนักงานกินเงินเดือนที่มีเงินไม่ถึง 2 หมื่น ห้ามยึดทรัพย์ทุกกรณี (แต่หากมีเงินเดือน 21,000 บาท จะยึดได้แค่ 1,000 บาท ต้องเหลือ 2 หมื่นไว้ให้เค้า)
4.หากครบ 10 ปีแล้วผู้ต้องหายังชดใช้ไม่ครบ เป็นอันว่าหมดอายุความ ผู้ต้องหาสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่ต้องชดใช้หนี้อีกต่อไป
ทั้งนี้ ทำให้ผมเป็นทุกข์มาก และต้องเป็นหนี้ยืมเงินมารักษาตัวเอง ผู้พิพากษาบ้านเราทำงานแบบไม่เป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย และการที่ผู้เสียหายวิจารณ์การตัดสินที่ไม่เป็นธรรมของผู้พิพากษานั้น...ผิดกฎหมายมีโทษรุนแรงกว่าขับรถชนคนตายซะอีก ผมอยากย้ายประเทศครับ แต่รอขึ้นศาลรอบสุดท้ายก่อน