จากกรณีพบคลัสเตอร์ใหม่ในโรงงานสับปะรดกระป๋องที่หัวหิน โดยมีคนงานของโรงงานติดเชื้อโควิด-19 แล้วกว่า 115 คน และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีกกว่า 402 คน ซึ่งได้แบ่งไปรักษา กักตัวที่โรงงานอีกกว่า 200 ราย และบางส่วนให้กักตัวอยู่ในห้องเช่า ทว่าล่าสุดมีการแจ้งว่าพบแรงงานเมียนมาบางส่วนที่ทำงานในโรงงานแห่งนี้ไม่ไปกักตัวตามที่เจ้าหน้าที่กำหนด ยังอาศัยรวมกันในบ้านพักแบบไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย
โดยมีรายงานว่า นายปัญญา กอนใย ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองนกน้อย หมู่ 3 ต.หินเหล็กไฟ พร้อมด้วยนายธีรภัทร นงลัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยตำบลหินเหล็กไฟ อสม. ออกตรวจสอบตามห้องเช่าในหมู่บ้าน หลังจากชาวบ้านแจ้งเบาะแสว่ายังมีแรงงานเมียนมาบางส่วน ที่ ทำงานในโรงงานสับปะรดไม่ยอมไปกักตัวในโรงงาน และอาศัยอยู่ในห้องเช่า โดยไม่ค่อยสวมใส่แมส ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเกรงว่าจะเกิดการแพร่เชื้อโควิด19
จึงไปตรวจสอบพบมีแรงงานชาวพม่า อาศัยในห้องเช่าเป็นครอบครัว จึงเชิญตัวให้เดินทางไปกักตัวที่โรงงาน แต่การเจรจาเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากติดขัดการใช้ภาษา โดยชาวพม่าบางรายไม่ไปกักตัวอ้างว่าไม่ได้ติดเชื้อโควิด ทำให้ต้องใช้เวลาในการเจรจาแต่ละจุดนานพอสมควร แต่หลังจากเจรจาได้แจ้งให้ชาวพม่า 16 คน นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปสถานที่กักตัวในโรงงานสับปะรด แต่ยังมีอีกหลายจุดที่ผู้ใหญ่บ้านต้องเร่งตรวจสอบแรงงานพม่าไม่ไปกักตัวตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้าน
นางสาวแสงจันทร์ จงศรี ชาวบ้านหนองนกน้อย อสม.ประจำหมู่บ้าน กล่าวว่า มีความปลอดภัยมากขึ้นหลังจากแรงงานพม่า ออกจากห้องเช่าไปกักตัว เพราะหลายวันที่ผ่านมาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ต้องป้องกันตนเองและครอบครัว ไม่เดินทางออกไปนอกบ้าน หากออกไปต้องสวมแมส กลับมาต้องล้างมือฉีดพ่นด้วยเจลแอลกอฮอล์ สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในโรงงานสับปะรด 4 – 5 วัน ที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องการให้หมู่บ้านต่างๆเร่งค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากมีแรงงานพม่าเดินทางไปหลายพื้นที่ และหลังจากมีผู้ติดเชื้อ 115 ราย ยังไม่มีไทม์ไลน์ทำให้ชาวบ้านมีความกังวลเป็นอย่างมาก