จากกรณีเมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวเน็ตท่านหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่เกือบจะจบชีวิตภรรยาทางอ้อมหลังได้ตั้งรถให้อยู่ในระบบหยุดอัตโนมัติ โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า ผมคิดอยู่นานว่าจะลงดีมั้ย แต่ก็ตัดสินใจลง เพื่อเตือนตัวเองและเป็นอุทาหรณ์ให้กับเพื่อนๆ ผมประมาทเองและความประมาทของผม ผมเกือบเสียแฟนไป
ผมคงขับชนแฟนตัวเอง ถ้าไม่มีประตูบ้านมากั้นไว้ หรือถ้าแฟนผมไม่ได้ถอยหลัง ประตูคงทับแฟนผมไปแล้ว ด้วยน้ำหนักของประตู ที่ผมไม่สามารถยกได้เพียงคนเดียว ผมชะล่าใจ เพราะด้วยระบบความสะดวกสบายของรถที่ให้มา ผมตั้งระบบ auto stop เมื่อรถหยุด รถจะจอดอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ และเมื่อเราแตะคันเร่ง รถจะเคลื่อนตัวอัตโนมัติ
เมื่อรถหยุด ผมเอี่ยวตัวไปจับลูกที่เบาะหลัง carseat แต่เท้าผมน่าจะไปแตะโดนคันเร่ง ด้วยความตกใจที่หันหน้ากลับมา รถกำลังจะชนแฟน ผมกลับเหยียบคันเร่งซ้ำ!!!! แทนที่จะแตะเบรค รถถึงพุ่งไปแบบที่เห็น แต่ด้วยระบบความปลอดภัยของรถ เมื่อชนมันหยุดให้อัตโนมัติ (ทำไมไม่หยุดก่อนชน ถถถ) ยังมีหน้าไปโทษรถ TT
จากที่เห็นรถเป็นแค่รอยถลอกแต่ประตูพังยับ ช่างถามว่าชนยังไงให้อลูมิเนียมแข็งๆ บิดเบี้ยวขนาดนี้ได้ เรื่องนี้สอนให้ผมรู้ว่า อย่าประมาทกับอะไรก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ผมจะใส่ P ทุกครั้งที่จอดรถ และเลิกใช้ระบบ auto stop เลิกพึ่งพาระบบและกลับมาพึ่งพาสติตัวเอง
ผมสัญญากับแฟนไว้ว่า ต่อไปจะเลิกใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เราไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ประโยคนี้เข้ามาในสมองผมทันทีอีกครั้ง เหมือนตอนที่โควิดเข้ามารอบแรกและทำธุรกิจผมพัง ต้องให้เจอวิกฤตก่อนถึงจะรู้สึกตัว คนเราถ้าไม่เจออะไรกับตัวก็คงไม่รู้สึกตัว วันนี้ผมเอามาแชร์ เพื่อเตือนสติตัวเอง ว่าอย่าให้เกิดเราถึงพึ่งมาป้องกันมันอาจจะสายไป ขอบคุณที่อ่านจนจบ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ และขอโทษเมียอีกครั้ง