เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนึ่งเหตุการณ์สุดระทึก เมื่อเว็บไซต์ต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รัฐยูทาห์ได้รับการแจ้งเหตุหญิงสาววัย 47 ปี คนหนึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับที่จุดตั้งแคมป์ในพื้นที่หุบเขา Spanish Fork Canyon ทิ้งไว้ซึ่งรถและอุปกรณ์สำคัญหลายชิ้น
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแร่งปฏิบัติการค้นหาผู้หญิงคนนี้ทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศ เนื่องจากในช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวซึ่งอันตรายมากต่อคนหลงป่า แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ของเธอเลย เมื่อเวลาผ่านไปได้ราวๆ 5 เดือนหลังจากที่หลายคนเลิกหวังที่จะพบผู้หญิงคนนี้แล้ว จู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พบผู้หญิงที่หายไปโดยบังเอิญ ภายในเต็นท์กลางป่า และเธอก็ยังมีชีวิตอยู่เสียด้วย
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่พวกเขาพบหญิงสาวที่หายไปรายนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เดินทางออกไปตามหาโดรนสำรวจที่ใช้ในการหาคนหาย ซึ่งทำงานขัดข้องและตกลงไปในหุบเขา โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่เดินขึ้นเนินริมธารน้ำ พวกเขาได้พบกับเต็นท์เก่าๆ อันหนึ่งซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่คิดว่่าเป็นเต็นท์ร้าง ก่อนจะต้องแปลกใจที่ซิปของเต็นท์ถูกเปิดออก และมีผู้หญิงที่พวกเขากำลังตามหาโผล่ออกมา
ผู้หญิงคนดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ผอมแห้งและดูอ่อนแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเธอก็สามารถเอาตัวรอดอยู่ได้เกือบครึ่งปีแถมผ่านพ้นฤดูหนาวในป่าได้อีก ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก เธออธิบายกับเจ้าหน้าที่ว่าเธอนั้น เริ่มอาศัยในเต็นท์ด้วยความเต็มใจ ตั้งแต่การหายตัวไปของเธอ โดยเธอต้องเผชิญกับอุณหภูมิต่ำในฤดูหนาวที่รุนแรง
ทั้งนี้ เธออาศัยการทานตะไคร่น้ำ และหญ้าเป็นอาหาร ในขณะที่ได้น้ำจากลำธารบริเวณใกล้เคียงประทังชีวิต ซึ่งสำหรับจุดนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ระบุไว้ด้วยว่าการกระทำของเธอนั้นแม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครสมควรจะทำตาม