เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังถกเถียงกันอย่างมากบนโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้มีการโพสต์คลิปดราม่า เผยให้เห็นภาพพระสงฆ์กำลังฉันหมูกระทะ โดยระบุข้อความว่า
ใน TikTok เถียงกันใหญ่เลยว่าพระฉันแบบนี้ได้ไหม บางก็บอกว่าได้เพราะเป็นพระบ้านไม่ใช่พระป่า คือพระไม่ได้ใช้พระวินัยเดียวกันเหรอวะ ประเด็นนี้พระมหาไพรวัลย์ เคยบอกไว้ว่า
“การฉันในลักษณะนี้ไม่ถูกต้องตามพระวินัย เพราะว่า พระพุทธเจ้าฉันอาหารโดยพระเป็นผู้ปรุงเอง หรือการทำของดิบให้เป็นของสุกด้วยตัวเอง จะห้ามทำ แต่บางครั้งการที่พระรับนิมนต์ไปนั้น พระไม่อาจทราบได้ว่า เมื่อโยมนิมนต์ไปที่บ้านจะถวายอาหารอะไร ขณะที่ปัจจุบันนี้ คนไทยชอบกินหมูกระทะ ชอบกินชาบูสุกี้กัน หรือบางทีอยากทำบุญให้คนที่ตายไปแล้ว ซึ่งชอบกินอาหารเหล่านี้ จึงทำบุญด้วยการนำอาหารมาถวายพระ
นอกจากนี้ บางครั้งพระเองก็ไม่ทราบด้วยว่าผิดหรือไม่ เนื่องจากเป็นของที่ญาติโยมถวายมาแล้วคิดว่าไม่เป็นอะไร หรือบางทีพระก็ทราบว่าอาบัติ แต่ครั้นจะไปบอกว่าผิด โยมก็อาจจะเสียหน้าได้ เสียศรัทธา ถวายภัตตาหารแล้วพระไม่ฉัน กลับกลายเป็นว่าทำศรัทธาของญาติโยมตกไป มันจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนซึ่งพระยอมอาบัติ เพียงเพราะต้องการรักษาศรัทธาของญาติโยมไว้ก็เป็นได้
“โยมทั้งหลายควรจะสร้างความเข้าใจกันใหม่ว่า ต่อจากนี้ไปห้ามไม่ให้โยมถวายของเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นชาบู สุกี้ หมูกระทะ หรืออาหารที่พระต้องปรุงเอง ซึ่งจะช่วยไม่ให้ส่งเสริมพระทำผิดวินัย อย่าทำให้พระต้องไปนั่งและปรุงอาหารเหล่านี้ด้วยตัวท่านเอง อาตมาเป็นพระยังมองว่าไม่เหมาะ ให้พระไปนั่งย่างหมู ย่างกุ้ง ใครเขาเห็นก็ไม่เกิดความศรัทธา ฉะนั้นทางแก้ของเรื่องนี้ก็คือ อย่าถวายของพวกนี้อีก” พระมหาไพรวัลย์ ชี้แจง
อย่างไรก็ตาม พระมหาไพรวัลย์ ยังกล่าวต่อว่า หากญาติโยมมีความตั้งใจที่จะถวายอาหารประเภทนี้ ก็ควรจะปรุงให้เสร็จเรียบร้อย ราดน้ำจิ้มให้พร้อมแล้วถวายพระเป็นถ้วยๆ ไป แต่ถ้าให้พระไปนั่งรอให้โยมปรุงอาหารให้ก็ถือเป็นอาบัติเช่นกัน ดังนั้นหากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงถวายอาหารประเภทนี้ และถวายเป็นพวกแกง ต้ม ผัด ที่ปรุงไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วจะดีที่สุด เพื่อเอื้อเฟื้อไม่ให้พระผิดพระวินัย
“ตามหลักพระวินัย ห้ามไม่ให้พระปรุงอาหาร เพราะเมื่อไหร่ที่พระปรุงอาหารพระก็จะติดในรสชาตินั้น หมายความว่า พระจะเลือกที่ชอบไม่ชอบแล้ว เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านทรงห้าม เพราะไม่ต้องการให้พระติดในรสชาติอาหาร เขาถวายอย่างไรมาก็ฉันไปตามนั้น” พระมหาไพรวัลย์ อธิบาย
สำหรับการห้ามพระปรุงอาหารฉันเอง อยู่ในอาบัตินอกพระปาฏิโมกข์ ท่านปรับอาบัติทุกกฎ คือ อาบัติที่ไม่ได้อยู่ใน 227 ข้อ แต่ว่าอยู่ในข้อปลีกย่อย ซึ่งเป็นข้อที่พระต้องสำรวมและระวัง. เจริญพร