สื่อของประเทศอินเดียหลายสำนัก ทั้งไทมส์ ออฟ อินเดีย และ อินเดีย ทูเดย์ รายงานข่าวเศร้า พบหญิงไทยรายหนึ่งเสียชีวิตในอินเดีย หลังจากติดโควิด-19 โดยทางการอินเดียได้เผาศพเธอทันที และได้ไลฟ์ให้ญาติที่ประเทศไทยเข้าร่วม ก่อนจะนำเถ้ากระดูกส่งต่อให้สถานทูตไทยเพื่อนำส่งให้ครอบครัวต่อไป
โดยหญิงไทยรายนี้มีชื่อ นางสาวปิยธิดา วิชาพรสากุล วัย 41 ปี เป็นชาว จ.นครสวรรค์ เดินทางเข้ามายังประเทศอินเดียด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว จากนั้นก็มีอาการป่วยโควิด-19 ก่อนที่จะได้รับการรักษาในโรงพยาบาลราม มาโนฮาร์ โลเฮียในเมืองลัคเนา รัฐอุตตรประเทศ และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานี้ยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าเธอติดเชื้อโควิด-19 ก่อนเดินทางมาอินเดียหรือไม่
โดยภายหลังจากการเสียชีวิต ทางการอินเดียก็ได้ติดต่อทางสถานทูตไทยในกรุงนิวเดลีเพื่อหวังติดต่อให้ญาติเธอมารับศพ แต่ทางครอบครัวไม่สามารถเดินทางมาได้ ทางสถานทูตไทยจึงให้ทางเจ้าหน้าที่อินเดียจัดพิธีศพให้ พร้อมกับได้ถ่ายทอดสดพิธีเผาศพให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตในไทยได้รับชม ก่อนที่ทางสถานทูตจะจัดส่งเถ้ากระดูกส่งกลับไปยังครอบครัวต่อไป
ขณะที่ นายเทียนชัย วิชาพร น้องชายผู้เสียชีวิต เผยว่าจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า พี่สาวของตน เดินทางไปทำงานที่ประเทศอินเดีย ได้ 2 วัน แล้วติดเชื้อโควิด-19 ก่อนจะเสียชีวิต ซึ่งข่าวนี้ไม่เป็นความจริง เพราะตนเองนั้นได้ไปส่งพี่สาวเดินทางกลับไปทำงาน ที่ลัคเนา ประเทศอินเดีย ในวันที่ 30 มี.ค. 64 ซึ่งก่อนที่พี่สาวจะติดเชื้อโควิด-19 จนเข้ารักษาที่ รพ. เป็นระยะเวลาเดือนกว่าที่พี่สาวอาศัยอยู่ที่ประเทศอินเดีย พี่สาวถูกนายจ้างให้อาศัยรวมกันกับลูกจ้าง 2-3 คน ในห้องเดียว โดยไม่ทราบว่าเพื่อนร่วมงานติดเชื้อ เพราะเจ้าของบริษัทปิดบังข้อมูล
หลังจากนั้นเพื่อนร่วมงานที่อาศัยอยู่ด้วยกัน มีอาการคล้ายคนเป็นหวัด และได้พูดคุยกันจนรู้ว่าทุกคนที่อยู่ด้วยกันเป็นโควิด และพี่สาวคิดว่าตนเองก็ติดโควิดด้วย สุดท้ายอาการไม่ค่อยดีจึงได้เข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ก็ได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวคนโตที่อยู่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้ส่งเงินมารักษาตัวเองที่อินเดีย โดยยังไม่บอกทางญาติที่อยู่เมืองไทย เพราะว่าแม่เป็นโรคหัวใจ กลัวว่าแม่จะล้มป่วยลง จนสุดท้ายพี่สาวที่อยู่สวิตเซอร์แลนด์อึดอัดใจ จนต้องโทรศัพท์มาหาตนเอง เพื่อบอกว่าพี่สาว คือ นางสาวปิยธิดา ติดโควิดอยู่ที่อินเดียอาการแย่ เพราะว่าทางร้านที่ไปทำงาน ไม่รับผิดชอบอะไรเลย แถมบอกว่าไม่รู้จักกันอีกด้วย
ทั้งนี้ ตนก็ได้ติดต่อไปยังสถานทูตที่ประเทศอินเดีย เพื่อที่จะขอให้ทางสถานทูตช่วยเหลือ เรื่องนำอัฐิ ทรัพย์สิน และเอกสาร รวมไปถึงโทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง ที่บันทึกเรื่องราวของพี่สาวไว้ทั้งหมด ส่งกลับมาที่ประเทศไทย
ขอบคุณ ไทมส์ออฟอินเดีย, อินเดียทูเดย์