นางอาภา อายุ 48 ปี นำหลักฐานเอกสารจำนวนกว่า 200 หน้าพร้อมภาพถ่าย คลิปเสียง และสลิปโอนเงิน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ หลังถูกคนรู้จักหลอกให้โอนเงินหลายครั้งระหว่างปี 2558-2560 สูญเงินรวมกว่า 39 ล้านบาท
นางอาภากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยไปทำงานต่างประเทศ พอเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งจึงกลับบ้านเกิดที่ จ.กาฬสินธุ์ และเปิดร้านขายของชำ การค้าขายค่อนข้างไปได้ด้วยดี จากนั้นพอปลายเดือนมีนาคม 2558 มีสองสามีภรรยา ชื่อนายเอ และนางบี (นามสมมุติ) เป็นชาว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เข้ามาตีสนิท อ้างว่ารู้จักกับอาจารย์ที่เคยสอนตนตอนเรียนชั้นประถมศึกษา ก่อนที่จะแนะนำให้ตนรู้จักกับ สามีภรรยาอีกคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นชาว จ.มหาสารคาม และมีนามสกุลเป็นคนใหญ่คนโต มีชื่อเสียงใน จ.มหาสารคาม
ทั้งคู่บอกว่าต้องการเงินด่วนจำนวน 180,000 บาท เพื่อนำไปวิ่งเต้นถอนอายัดเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างมากจากธนาคารแห่งชาติ โดยจะขอยืมเพียง 7 วันก็จะคืนให้วันที่ 1 เมษายน 2558 จึงได้นัดแนะกันที่ปั้มน้ำมัน 4 แยกไฟแดง อ.ยางตลาด โดยมีการลงนามบันทึกให้ยืมและกำหนดวันส่งคืนวันที่ 8 เมษายน 2558
นางอาภา กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนยอมให้สองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคาม คู่นั้นยืมเงิน เนื่องจากเชื่อใจว่านายเอ และนางบี ที่เป็นคนรู้จักกับอาจารย์ที่ปรึกษาของตน และรู้สึกเห็นใจคนที่เขาเดือดร้อนต้องการเงิน จึงไม่คิดอะไรมาก แต่พอถึงวันกำหนดนัดคืนเงิน ทางสองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคามคู่นั้นก็พยายามบ่ายเบี่ยง และอ้างว่าเงินที่ยืมมาจำนวน 180,000 บาท ยังไม่สามารถถอนอายัดได้ เนื่องจากเงินในบัญชีมีจำนวนมากถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งนอกจากทางธนาคารแห่งชาติอายัดไว้แล้ว ยังมีทาง ป.ป.ง.กำลังทำตรวจสอบและอายัดไว้ด้วย
กระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ได้ขอยืมเงินจากตนอีกจำนวน 380,000 บาท เพื่อไปวิ่งเต้นให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.ทำการถอนอายัดให้ เพราะบัญชีมีเงินมาก จึงอาจจะเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งสองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคามได้ยื่นข้อเสนอว่าหากให้ยืมจะให้ค่าตอบแทนกับตนจำนวน 2,500 ล้านบาท ตนจึงหลงเชื่อและเบิกเงินสดมาให้
นางอาภา กล่าวอีกว่า หลังจากตนได้ให้ยืมเงินไปแล้ว สองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคามได้ติดต่อมาขอยืมเงินตนอีกหลายครั้ง อ้างจะเอาเงินไปวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.และธนาคารแห่งชาตินำเงินออกมาให้ได้ โดยมีสองสามีภรรยาชาว จ.กาฬสินธุ์เป็นผู้ประสานงาน พร้อมยืมข้อเสนอจะเพิ่มค่าตอบแทนให้จากเดิม 2,500 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท ตนจึงหลงเชื่อและโอนเงินไปให้หลายครั้งเฉลี่ยครั้งละ 4 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท มาตั้งปี 2558 เรื่อยมาจนครั้งสุดท้ายปลายปี 2560 ได้นำโฉนดที่ดินทั้งของตนเองและของญาติพี่น้อง ไปจำนองและกู้เงินธนาคาร เพื่อนำเงินมาให้สองสามีภรรยาคู่นั้นยืมอีก รวมแล้วที่ให้สองสามีภรรยาคู่นั้นยืมจำนวนเงิน 39,000,000 บาท
สาเหตุที่ตนปล่อยให้ล่วงเลยมานานถึง 4 ปี และตัดสินใจเข้าแจ้งความวันนี้ เนื่องจากยังมีความหวังว่าจะได้รับค่าตอบแทนจากสามีภรรยาคู่นั้นจำนวน 5,000 ล้านบาท หรือไม่ก็ได้เงินของตนเองคืนก็ยังดี แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้สักบาท และล่าสุดทราบว่าสองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคามนั้นมีหมายจับในหลายท้องที่จึงรู้ว่าตนเองถูกหลอก และไม่ได้เงินคืนอย่างแน่นอน จึงได้นำหลักฐานที่มีอยู่เข้าแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับสองสามีภรรยาคู่นั้นอย่างถึงที่สุด เพื่อต้องการเงินคืนและไม่ให้ไปก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้านคนอื่นให้ได้รับความเดือดร้อนอีก อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีผู้เสียหาย ถูกหลอกในลักษณะเดียวกับตนหลายรายความเสียหายไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูล : ข่าวเวิร์คพอยท์ 23