กลายเป็นกระแสดราม่าต่อเนื่อง เมื่อ “มิ้นท์ I Roam Alone” ยูทูบเบอร์และบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่เจ้าตัวได้เพิ่งเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการเดินทางครั้งแรกในรอบปีกว่าๆ และออกมารีวิว ทั้งขั้นตอนการเช็คอินขึ้นเครื่อง ที่ต้องเตรียมเอกสารต่างๆ ทั้งวีซ่า ผลการตรวจโควิด ใบเซ็นรับรองว่าผลตรวจเป็นของจริง ที่พัก และแผนการเดินทาง และพูดในท้ายคลิปถึงข้อดีของโควิด- 19 ซึ่งมีการระบุว่า
"มิ้นท์ได้พูดปิดท้ายคลิปว่า "การได้ออกมาจากประเทศไทยในรอบ 1 ปี ได้มาอยู่ในที่ที่ฟังภาษาไม่ใช่ภาษาของเรา ได้มองไปสองข้างทางที่มันไม่คุ้นเคย ซึ่งคือสิ่งที่มิ้นท์ทำอยู่ตลอดในปีก่อนหน้านี้ จนลืมว่ามันพิเศษขนาดไหนไปแล้ว พอถึงวันนี้เป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆ มิ้นท์ว่า สิ่งดีข้อเดียวของโควิดคือทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งที่เราเคยมี และมองเห็นความพิเศษในความธรรมดา..." ซึ่งจากคำพูดนี้เองทำให้เกิดกระแสไม่พอใจอย่างมากนั้น เพราะหลายคนเห็นว่าโควิดไม่ได้มีข้อดีอะไรเลย จนเจ้าตัวก็ได้ออกมาโพสต์ขอโทษ และชี้แจงเหตุผลไป
แต่ล่าสุดเหมือนดราม่ายังไม่จบ เมื่อ มิ้นท์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก I Roam Alone แชร์คลิปจาก TikTok ที่เผยให้เห็นว่าเจ้าตัวได้ถอดหน้ากากอนามัย หรือ ถอดแมสก์ และแสดงอาการสนุกสนานร่าเริง หลังลงจากเครื่องบิน และแตะพื้นดิน เดินทางเข้ามาในย่านกลางเมืองนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ แล้ว
ซึ่งแม้คลิปนี้จะมีแฟนคลับเข้ามากดถูกใจเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีเรื่องเกิดดราม่าขึ้นอีกครั้ง เพราะแม้สาวมิ้นท์จะโพสต์ข้อความอธิบายประกอบว่า เธอแค่ถอดแมสก์ถ่ายคลิปแป๊บเดียว แต่ก็ไม่มีข้อมูลว่าเธอฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง หรือถ้าฉีดแล้วได้ฉีดครบโดสแล้วหรือไม่ และแต่ละรัฐก็มีกฎการอนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัยแตกต่างกันไป
ซึ่งจากข้อมูลของเว็บไซต์ CDC หรือศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ระบุไว้ว่า ทุกคนในสหรัฐฯ ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎการป้องกันโรค Covid 19 อย่างเคร่งครัด อาทิ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หรือ Social Distancing 6 ฟุต รวมถึงหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด นอกเสียจากว่าเป็นผู้ฉีดวัคซีนครบแล้ว และผู้ใดฉีดวัคซีนครบต้องถือเกณฑ์ตามนี้ คือ เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนของ Pzifer หรือ Moderna ครบ 2 โดส เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หรือ ผู้ที่ฉีดวัคซีนของ Johnson & Johnson’s 1 โดส เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หากผู้ใดไม่เข้าเกณฑ์นี้ ถือว่ายังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อไวรัส ทำให้ชาวโซเชียลตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของทั้งตัวมิ้นท์เองและประชาชนในสหรัฐฯ