จากที่ก่อนหน้านี้ ทางศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยผลโครงการวิจัยการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยหลังได้รับวัคซีนโควิด 19 ในบุคลากรทางการแพทย์ภายในโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเบื้องต้นพบว่า หลังรับแอสตราเซเนกา เข็มที่ 1 เป็นเวลา 3 - 4 สัปดาห์แล้วพบว่า อาสาสมัครทุกคนมีภูมิคุ้มกันสูงเทียบเท่ากับผู้ที่หายป่วยจากโควิด 19
ส่วนผู้รับซิโนแวคเข็มที่ 1 พบว่า 75% ของกลุ่มมีภูมิคุ้มกันที่สูงเท่ากับผู้ที่หายป่วยจากโควิด 19 ขณะที่ผู้รับซิโนแวคเข็มที่ 2 พบว่าทุกคน 100 % มีภูมิคุ้มกันในระดับสูงเทียบเท่ากับผู้ที่หายป่วยจากโควิด 19 แสดงให้เห็นว่าหลังฉีดแอสตราฯ เข็มแรกและซิโนแวคเข็มสองภูมิคุ้มกันสูงเท่ากับผู้ที่หายป่วยจากโควิด 19 แปรผลได้ว่าวัคซีนทั้งสองชนิดน่าจะป้องกันโรคโควิด 19 ได้ดี
นอกจากนี้ ยังพบว่า 75% ของอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนมีอาการไม่พึงประสงค์เล็กน้อยเช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย มีไข้ ปวดศีรษะ อาการดังกล่าวสามารถหายได้เอง โดยกลุ่มที่ฉีดแอสตราฯ พบอาการไม่พึงประสงค์ค่อนข้างมากกว่ากลุ่มที่ฉีดซิโนแวค โดยเฉพาะในคนอายุน้อย ขณะนี้ทางศูนย์ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังตรวจผลของภูมิต่อสายพันธ์ต่างๆ เช่น สายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกา และอินเดีย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางด้าน หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้อธิบายเปรียบเทียบให้ฟังง่ายๆ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิดตามที่เจ้าตัวเข้าใจว่า "คือผมมองว่า เรื่องภูมิคุ้มกันที่ขึ้นมา 70 % หรือ 80 % คือจะไม่ถึงร้อย ส่วนตัวผมเองคือผมโอเค เพราะว่า .. รู้หรือเปล่าว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่หลายคนไปฉีดกันทุกปีที่จริงภูมิคุ้มกันมันขึ้นไม่ถึงร้อยนะ แต่เพียงแค่ว่าเราไม่เคยรู้
ยกตัวอย่างคือ ถ้าคุณฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สุดท้ายคุณก็สามารถจะยังเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ อาจจะสายพันธุ์เอ หรือสายพันธุ์ต่างๆ นั่นเอง พูดง่ายๆ คือเราฉีดวัคซีนไม่ได้เพื่อกันติด แต่เราฉีดวัคซีนเพื่อให้อาการทุเลาลง ถ้าหากเราป่วยขึ้นมาจริงๆ คือถามว่า ภูมิคุ้มกันมันจะขึ้นไปถึง 100 % มั้ย มันก็ไม่ใช่ มันก็แค่ 60 % หรือ % เหมือนกัน คือมันจะมีอัตราประมาณอย่างนี้ มันไม่ได้มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เอาเท่าตอนนี้นะ
อย่าง แอสตราเซเนกา มันดีตรงที่ว่าเมื่อเราฉีดปุ๊บแล้วภูมิมันขึ้นเลย ซึ่งพูดได้ว่าคนที่เคยติดเชื้อโควิดมาแล้วหายแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็จะมีภูมิคุ้มกันแล้ว แต่ก็ยังจะต้องรับวัคซีน เพราะภูมิของคนที่ติดจะอยู่แค่หกเดือนหลังจากที่ติดและรักษาหายแล้ว
แต่ถ้าหากเปรียบเทียบประสิทธิภาพแล้ว แอสตราเซเนกา ก็คือมันดีเพราะเมื่อเราฉีดปุ๊บ ภูมิคุ้มกันมันจะขึ้นเลย คือที่เขานำไปฉีดให้คนอายุมาก ในช่วงแรก อธิบายได้ว่า มันคือเชื้อที่ยังเป็นอยู่ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วคนสูงอายุที่ภูมิไม่ค่อยมีแล้ว เหมือนวัยรุ่น ไวรัสตัวนี้ก็จะวิ่งเข้าไปแล้วก็จะไปร่าเริงในร่างกายของเรา จากนั้นมันก็จะกลายเป็นภูมิคุ้มกันของเราทันที แต่ถ้าเป็นวันรุ่นเมื่อฉีดไปแล้ว มันจะเกิดผลข้างเคียงเพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรามันเกิดการต่อสู้ จึงทำให้เราอ่อนเพลียและไม่สบาย นั่นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมนิยมจึงฉีด แอสตราเซเนกา ให้ผู้สูงอายุ
ถามว่าเชื้อเป็นมันคืออะไร ก็ตอบได้ว่า เชื้อเป็น ก็คือ ไวรัสตัวหนึ่งที่มันไม่ได้แตกตัว แล้วนำหนามของเชื้อโควิดฝากเข้าไปในไวรัสตัวนั้นแล้วก็เลี้ยงมันไว้แล้วจึงฉีดเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ เมื่อเข้าไปแล้วเซลล์ในร่างกายของเราก็จะไปจำกัดไวรัสตัวนั้นซึ่งมันไม่ได้เก่งกาจ เพียงแต่ว่าเซลล์ไวรัสที่เราไปสู้เนี่ย บางทีไวรัสตัวนั้นมันอาจจะสู้ต่อ จึงทำให้เกิดปกติกิริยาในร่างกาย ทำให้เราไม่สบาย อันนี้คือเชื้อเป็น
ส่วนเชื้อตายคือเขาจะเพาะเชื้อโควิดเอาไว้ จากนั้นก็จะทำให้มันตายแล้วก็นำไปทำเป็นวัคซีน เป็นเหมือนนวัตกรรมแบบเก่า แล้วก็ฉีดเข้าไปในร่างกายของมนุษย์ จากนั้นมันก็จะค่อยๆ สร้างภูมิคุ้มกัน"
ขอบคุณรายการ ข่าวใส่ไข่