ประเด็นโต้เถียงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกลุ่มชาวบ้านในรัฐอุตตรประเทศของอินเดียอ้างว่าพวกตนได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสที่ 2 ด้วยโควาซิน (Covaxin) ขณะที่โดสแรกที่ได้รับคือวัคซีนโควิชีลด์ (Covishield)
“ระเบียบการของเราบอกไว้ชัดเจนว่าวัคซีนทั้งสองโดสที่ได้รับควรเป็นวัคซีนตัวเดียวกัน เราจึงควรตรวจสอบเรื่องนี้ อย่างไรก็ดีแม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไร” วี.เค. พอล ประธานกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแห่งชาติด้านการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (NEGVAC) กล่าว
“แม้ว่าจะได้รับวัคซีนโดสที่ 2 คนละตัวกับโดสแรก แต่ไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดผลข้างเคียงสำคัญใดๆ อันที่จริงแล้วข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ชี้ว่ามันสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ แม้จะสองโดสจะเป็นวัคซีนคนละตัวกัน” พอลเผย
เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (Oxford University) รายงานผลเบื้องต้นของการศึกษาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบผสม ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในวารสารแลนเซต (Lancet) โดยชี้ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) หรือที่ในอินเดียเรียกว่าโควิชีลด์ เป็นโดสแรก และได้รับวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) เป็นโดสที่ 2 นั้นมีผลข้างเคียงในระยะสั้นกว่าปกติ และส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง
อย่างไรก็ดี การศึกษาดังกล่าวไม่ได้แสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบผสมจะสามารถต้านไวรัสได้ดีเพียงใด