วันนี้ (29 พ.ค.2564) เวลา 03.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม ได้รับแจ้ง ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด เกรงว่าจะเกิดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค ภายใน รีสอร์ทแห่งหนึ่งย่านถนนสายไหม 56 สายตรวจ สน.สายไหม ได้นำกำลังเร่งตรวจสอบ พบว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่น 23 คน กำลังมั่วสุมเสพยาเสพติด ในห้อง vip3 ในรีสอร์ทดังกล่าว จึงได้จับกุมกลุ่มวัยรุ่น และพามา สน.สายไหม
ตรวจสอบจากชุดตรวจเบื้องต้น พบว่าได้เสพยาเสพติดประเภท 2 (เคตามีน) 17 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวผู้ที่ผลตรวจเป็นบวกส่งตรวจพิสูจน์อีกครั้ง (ส่วนอีก 6 คน แจ้งว่ามาดื่มเหล้าเท่านั้น) จากนั้น ได้แจ้งข้อกล่าวหา และนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมาย โดยมีผู้ต้องหา เป็นเยาวชน 2 คน
ข้อหาที่แจ้งเบื้องต้น
- ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค
- เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 โดยผิดกฎหมาย (เฉพาะผู้ที่ตรวจพบสารเสพติด จำนวน 17 คน)
ทั้งนี้ ได้มีการประสานไปยัง กทม. เพื่อทำการขอตรวจเชื้อโควิด-19 ให้กับผู้ต้องหาทั้ง 23 คน เพื่อจะได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคต่อไป โดยในเวลาต่อมานั้น มีรายงานจากผู้สื่อข่าวว่า ในผู้ต้องหา 23 ราย มี 2 รายเคยติดเชื้อโควิดมา แต่ทำการรักษามาหายแล้ว
โดย พันตำรวจเอกอำนาจ กาหลง ผู้กำกับการ สน.สายไหม เปิดเผยว่า เนื่องจากในการสอบสวนปากคำมีผู้ที่จับกุมส่วนหนึ่ง อ้างว่าไม่ได้ร่วมเสพยาเสพติด เพียงไปร่วมดื่มสุราสังสรรค์กับเพื่อนเพียงอย่างเดียว ประกอบกับว่าวันนี้โรงพยาบาลหลายแห่งในพื้นที่รอบเขตสายไหม ที่สามารถตรวจรับรองผลการตรวจยืนยันสารเสพติดในร่างกายได้นั้น ไม่เปิดทำการจึงจะให้พนักงานสอบสวน คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่งไปโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการตรวจหาสารเสพติดและตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ไปในคราวเดียวกัน จากนั้นจึงจะนำตัวทั้งหมดมาพิจารณาดำเนินคดีใน 2 ข้อหา แยกตามพฤติการณ์ความผิดหากพบว่ารายใดไม่มีสารเสพติดในร่างกาย ก็จะถูกดำเนินคดีเพียงข้อหาร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่หากพบว่ามีรายใดที่ผลการตรวจซ้ำยืนยันว่าเสพยาด้วย ก็จะถูกดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีกข้อหา ส่วนรีสอร์ตดังกล่าวแม้ผลการสอบสวนจะยังไม่พบความผิด แต่ก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาว่า มีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย ด้วยหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดก็ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป