จากกรณี ศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุมัติออกหมายจับ ลุงพล หรือ นายไชยพล วิภา ฐานความผิด 3 ข้อหา พรากผู้เยาว์ ทอดทิ้งเด็กเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตำรวจมีหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ คือ กางเกง รองเท้า และเส้นขน 3 เส้น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าลุงพลพาหลานขึ้นภูเขาไปจนเสียชีวิต ใช้เวลารวบรวมหลักฐานนานเป็นปี กว่าจะสามารถปิดคดีขอศาลอนุมัติหมายจับได้ในครั้งนี้
โดยตำรวจได้ฟัน 3 ข้อหาหนัก ได้แก่ 1.พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 3.กระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ก่อนหน้านี้ หากย้อนกลับไปได้มีคนตั้งข้อสังเกต ลุงพล ในวันที่พบศพน้องชมพู่ว่า ลุงพล ขึ้นไปดูศพน้องชมพู่ นอกจากจะร่ำไห้หนักเมื่อเห็นศพหลาน ลุงพล ยังได้พูดขึ้นมาว่ามีคนพาน้องขึ้นมา น่าจะเป็นผู้ชายในหมู่บ้าน อายุประมาณ 30 กว่า เป็นคนที่หายตัวไป พร้อมทั้งตอนนั่งมองศพน้องชมพู่ยังบอกอีกว่า สงสัยคนร้ายคงจะหมดอาหารให้น้องกิน น้องก็เลยตาย
นอกจากนั้น ลุงพล ยังบอกเจ้าหน้าที่ว่า ว.แจ้งเลยครับ ทางหลวง ผู้ร้ายน่าจะรู้ทัน ทางกกตูมด้วย แจ้งไปเลย น่าจะมีคนลักพามา มีคนหายจากหมู่บ้านคนหนึ่ง แต่ยังไม่วินัจฉัยว่าใช่หรือเปล่า เป็นคนบ้านเดียวกัน อายุประมาณ 30 กว่า เขาคงหมดอาหารที่จะให้กินแล้ว ผมจะกลับไปถามพ่อแม่เขาอีกที เพราะเราคุยกันตลอด ทำให้คนสงสัยว่าวันที่แรกที่เจอศพน้องชมพู่ ทำไมลุงพลถึงพูดเหมือนรู้อะไรหลายอย่าง