จากกรณีที่ศาลมีคำสั่ง อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ โดยมีการวางหลักทรัพย์ 180,000 บาท โดยมีเงื่อนไขห้ามหลบหนี ข่มขู่พยานหรือยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานก่อเหตุอันตรายประกาศอื่น และห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่รับอนุญาต หากไม่ปฎิบัติตามจะถูกเพิกถอนการประกันตัว ตามที่ปรากฎเป็นข่าว
ล่าสุด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ไลฟ์สดทางยูทูบ "ทนายตั้มษิทรา" ถึงกรณีของคดีลุงพล โดยระบุว่า ตนรู้กระแสข่าวนานแล้วว่าจะมีการออกหมายจับลุงพล และตนได้เคยยื่นคำร้องต่อศาลแล้วว่า ถ้าเกิดจะออกหมายจับขอให้มีการไตร่สวนก่อน แต่ทุกอย่างก็เงียบไป จนกระทั่งช่วงวันที่ 1 มิ.ย. ครบรอบ 1 ปี ของคดีน้องชมพู่ ก่อนหน้านี้ตนก็ได้คุยกับลุงพลว่าจะให้มอบตัวผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะทาง ผบ.ตร. เป็นคนดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มอบตัวที่นั่น ตนได้ติดต่อไปทางโฆษก ตร. ก่อนจะมอบตัว อีกฝ่ายก็บอกให้เข้ามาเลย ไม่มีการดักจับกลางทางแน่นอน
ก่อนเข้ามอบตัวมีท่านผู้การโทร. มาบอกว่าไม่สามารถมอบตัวที่ สตช. ได้ เพราะเป็นนโยบายของ ผบ.ตร. ให้ไปมอบตัวที่ สน.ปทุมวัน แต่มีคนแจ้งว่าทาง สน.มีการเตรียมกำลังตำรวจไว้เรียบร้อบแล้ว จึงตัดสินใจพาลุงผลไปมอบตัวที่ สตช. โดยแจ้งกับทางนักข่าวและไปตามนัด ให้ลุงพลตามเข้ามา สุดท้ายผิดคิว ลุงพลเข้าไปยังห้องโถงกลางและอยู่กับทาง ผบ.ตร. ซึ่งตนยืนยันไม่ได้แอบ เพราะก็เข้าตามที่แจ้งไว้ แต่ก็ถูกตำรวจท่านหนึ่งใช้อำนาจจับกุมทั้งที่เข้ามอบตัวแล้ว และเดินทางมาที่มุกดาหาร
เมื่อถึงที่ สภ.มุกดาหาร ท่าน ผบช.ภาค 4 ก็เดินทางมาด้วยตัวเอง ตนได้แจ้งท่านไปว่า ลูกน้องของท่านออกหมายจับอันเป็นเท็จ ท่านฟังแต่คงไม่ทำอะไร แต่ตนจะร้องศาลเจ้าหน้าที่ละเมิดอำนาจศาล และปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และเมื่อถึงตอนยื่นประกันตัว ทางตำรวจคัดค้านการประกันตัว รวมถึงแม่น้องชมพู่ด้วยที่คัดค้าน โดยยื่นพยานมาทั้งหมด 5 ปาก ซึ่งแม่น้องชมพู่ให้การว่ากลัวถูกลุงพลทำร้าย ซึ่งตนบอกเลยว่าลุงพลไม่เคยไปยุ่ง เกี่ยวข้องกับพยานเลย ลุงพลจะไปทำร้ายทำไม
นอกจากนี้ พยานอีกปากก็ให้การว่า เคยถูกลุงพลว่าจะข่มขู่ทำร้าย ซึ่งแค่ลุงพลทำท่ายกไหล่ เลยคิดว่าลุงพลข่มขู่ ปากสุดท้ายเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ซึ่งให้การว่าลุงพลหลบหนีหมายจับ ผมเลยถามว่าหมายจับนั้นท่านเป็นคนให้นักข่าวใช่ไหม นายตำรวจท่านนั้นบอกว่าไม่ได้ให้ เพราะมันเป็นความ นั่นหมายความว่าทางลุงพลก็ต้องไม่ทราบหมายจับ จะหาว่าลุงผลหลบหนีไม่ได้
สุดท้ายตนจึงวางข้อกำหนดกับทางศาลว่า ถ้าลุงพลหลบหนี ข่มขู่พยาน ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน สามารถถอนเงินประกัน และจับเข้าคุกได้ทันที จนในที่สุดเวลา 16.00 น. ก็ได้มีการประกันตัว จริงๆ ผมอยากให้เรื่องนี้เป็นแบบอย่าง ซึ่งได้ติดต่อกับทางคุณสิระให้นำเรื่องนี้เข้าสู่กรรมาธิการในเรื่องที่ตำรวจทำไม่ถูกต้อง ดำเนินคดีต่อ ในกรณีที่ตำรวจแจ้งจับ และไม่รับมอบตัว พร้อมทั้งพยายามจะเดินเรื่องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
ขอบคุณ ทนายตั้มษิทรา