จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายของลุงพล ได้พาลุงเข้าเดินทางไปที่สภาฯ เพื่อแถลงและขอความเป็นธรรม พร้อมขอให้กรรมาธิการตรวจสอบการออกหมายจับที่อ้างว่านายไชย์พลมีพฤติการณ์หลบหนี ทั้งที่นายไชย์พล ไม่ได้หลบหนีไปไหน รวมทั้งให้ตรวจสอบกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พยายามทำให้นายไชย์พลเกิดความอับอาย ด้วยการจับกุมนายไชย์พลที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่นายไชย์พล กำลังเข้ามอบตัว
ก่อนหน้านี้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้เดินทางด้วยรถตู้ส่วนบุคคลมาที่ วัดท่ากระบือ ต.บางยาง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมี นายไชย์พลวิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตน้องชมพู่ และคู่ชีวิต นางสมพร หลาบโพธิ์หรือ ป้าแต๋น อายุ 42 ปี เดินทางตามมาสมทบด้วยรถตู้โดยสารประจำทางที่เช่ามายังวัดท่ากระบือแห่งนี้ เพื่อมากราบสักการะรูปหล่อองค์หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอกระทุ่มแบน
โดยเชื่อกันว่าการได้มากราบไหว้ขอพรจากองค์หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ จะทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองและช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยมีโชคมีชัยในทุกๆ ด้าน เพราะท่านได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเกจิชื่อดังแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน โดยทนายตั้มได้พาลุงพลกับป้าแต๋น กราบสักการะปิดทองรูปหล่อองค์จำลองหลวงพ่อรุ่งขนาดเท่าองค์จริง ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าและใต้ฐานองค์หลวงพ่อรุ่งองค์ใหญ่
อีกทั้งยังให้ลุงพลกับป้าแต๋นโน้มศีรษะเข้าไปใต้ฝ่าเท้าองค์หลวงพ่อรุ่งจำลอง เพื่อปัดเป่าทุกข์ภัยตามความเชื่อ พร้อมกันนี้ยังได้มีการเคาะระฆังเสริมความเป็นสิริมงคล สร้างความสบายใจก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพ และนอกจากนี้ ลุงพล ยังได้เสี่ยงเซียมซี โดยเสี่ยงถึง 3 ครั้ง แต่ไม้เซียมซีไม่มีเลข ซึ่งลุงพลเชื่อว่า อาจเป็นเพราะตนคือผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเองก็อาจเป็นได้