ซึ่งจะต้องรายงานตัวในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ และต้องชำระค่าลงทะเบียน จำนวน 3 หมื่นกว่าบาท ภายในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ แต่เนื่องจากนักเรียนรายดังกล่าว มีฐานะยากจน พ่อแม่มีอาชีพทำนา และรับจ้างทั่วไป จึงวอนสังคมให้การช่วยเหลือ
นางคำแพง ยารังษี อายุ 60 ปี เปิดเผยว่า ตนและสามีมีลูกชายเพียงคนเดียว คือ นายเกียรติราชัน ยารังษี ปัจจุบันอายุ 18 ปี ตนและสามีมีอาชีพทำนาข้าว และรับจ้างทั่วไป โดยนาก็ต้องเช่า ส่วนรับจ้างทั่วไปนั้น สามีทำเพียงคนเดียว เพราะตนมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ผิวหนังแพ้สารเคมีทุกชนิด อีกทั้งชีพจรก็เต้นช้ากว่าปกติ เมื่อปี 2550 เกิดไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง จึงได้ไปกู้เงิน ธ.ก.ส.มาสร้างบ้าน ก็ไม่แล้วเสร็จ ตอนนี้หนี้ก็ยังใช้ไม่หมด
เมื่อปี 2562 ได้กู้เงินกองทุนหมู่บ้าน รวมกับเงินเก็บบางส่วนลงทุนเช่าที่ปลุกข้าวโพด โดยลงทุนไปทั้งหมด 6 หมื่นกว่าบาท แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวเกิดโรคระบาด อีกทั้งข้าวโพดก็ถูกขโมย คงเหลือนำไปขายได้เงินเพียง 5 พันบาทเท่านั้น ต่อมาปีที่แล้วได้ไปยืมเงินในหมู่บ้านมาจำนวนหนึ่ง เพื่อมาปลูกพริก ผลปรากฏว่าเมื่อถึงช่วงเก็บพริก เกิดโรคโควิดระบาดอีก
จึงทำให้ไม่มีคนซื้อต้องขาดทุนอีกครั้ง พอมาในปีนี้ก็เลยไม่กล้าที่จะไปยืมที่ไหนมาลงทุน มีรายได้เพียงสามีไปรับจ้างทั่วไปได้วันละ 222-300 บาท เท่านั้น และยิ่งลูกชายเรียนจบสอบติดมหาวิทยาลัย ต้องใช้เงินในการลงทะเบียนหลายหมื่นบาท ครั้งแรกตนได้พูดกับลูกว่าให้สละสิทธิ์ เอาไว้สอบปีหน้า เผื่อพ่อกับแม่จะหาเงินได้ ลูกก็ได้แต่นั่งนิ่งแล้วก็ร้องไห้ ตนสงสารลูกมาก จึงได้ไปขอหยิบยืมจากญาติๆ คนที่รู้จัก ซึ่งตอนนี้ก็ได้เพียงหมื่นกว่าบาท ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหาเงินที่ไหนให้ลูกไปลงทะเบียน
จึงได้แต่ขอความเมตตาจากผู้ใจบุญช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อลูกสามารถลงทะเบียนเรียนและเข้าเรียนได้แล้ว ก็จะให้ลูกหาช่องทางในการกู้ กยศ.หรือขอทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่อไป