“ซากศพเหล่านี้ที่อยู่ใกล้เรือนจำบาดุช อาจเป็นศพของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรือนจำฯ” นาจม์ อัล-จูบูรี (Najm al-Jubouri) ผู้ว่าการจังหวัดนิเนเวห์ กล่าวในการแถลงข่าวร่วม ณ สถานที่ฝังศพขนาดใหญ่ใกล้กับเรือนจำฯ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครโมซูล เมืองหลวงของจังหวัดฯ โดยนครโมซูลอยู่ห่างจากกรุงแบกแดด เมืองหลวงของประเทศอิรักไปทางเหนือราว 400 กิโลเมตร
“มีหลักฐานสนับสนุนว่ามีหลุมฝังศพหมู่จำนวนหลายสิบแห่งที่กำลังรอการขุดค้น ซึ่งรวมถึงหลุมอัล-คาสฟาทางตอนใต้ของโมซูล ซึ่งเป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีความลึกประมาณ 100 เมตร ” อัล-จูบูรีกล่าว
อัล-จูบูรียังเรียกร้องให้องค์กรสหประชาชาติ (UN) และองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ ช่วยอิรักขุดค้นหลุมฝังศพจำนวนมากเหล่านี้ในจังหวัดนิเนเวห์
เดีย คารีม ประธานมูลนิธิวีรชนชาวอิรัก (Iraqi Martyrs Foundation) กล่าวในงานแถลงข่าวว่า ศพส่วนใหญ่เป็นของเหยื่อที่ถูกกลุ่มไอเอส (IS) สังหารระหว่างที่กลุ่มไอเอสเข้าควบคุมเมืองโมซูลช่วงปี 2014-2017
“หลุมฝังศพของเรือนจำบาดุชมีขนาดใหญ่ และขณะนี้ขุดศพได้มากกว่า 123 ศพแล้ว จากทั้งหมด 500 ศพแล้ว โดยทีมงานระดับชาติไม่สามารถขุดและพิสูจน์หลุมฝังศพจำนวนมากในอิรักเพียงลำพังได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ” คารีมกล่าว
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2017 อิรักประกาศอย่างเป็นทางการว่า โมซูล ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ได้รับการปลดปล่อยจากกลุ่มไอเอสแล้ว หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดนานเกือบ 9 เดือน เพื่อขับไล่กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงหรือไอเอสออกจากฐานที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายในอิรัก
ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดนิเนเวห์ทางตอนเหนือของอิรัก อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มไอเอสตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่กองกำลังของรัฐบาลละทิ้งอาวุธและหนีไป ส่งผลให้กลุ่มไอเอสสามารถควบคุมพื้นที่บางส่วนทางตอนเหนือและตะวันตกของอิรักได้
ขอบคุณ ซินหัวไทย