จากกรณี เวลาประมาณ 03.30 น. ที่บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจการประกอบเม็ดโฟมและพลาสติกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในซอยกิ่งแก้ว 21 ม.15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เกิดเหตุถังเคมีระเบิดภายในบริษัท
โดยแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้เป็นวงกว้าง ทำให้ต้องนำรถดับเพลิงกว่า 30 คันรุดเข้าดับเพลิงในพื้นที่ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง เพลิงกำลังลุกไหม้ตัวอาคารโรงงานอย่างรุนแรง ก่อนจะมีการควบคุมเพลิงได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้บาดเจ็บกว่า 30 ราย บ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 70 หลัง ยานยนต์เสียหายกว่า 15 คัน และทรัพย์สินอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด นายสรายุทธ์ สนรักษา ผู้ประสานงานเครือข่ายรักแม่พระธรณี เปิดเผยว่า สำหรับประเด็นผังเมืองในพื้นที่บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด หลังถูกตั้งข้อสงสัยว่าโรงงานสารเคมีขนาดใหญ่นี้ และอีกหลายโรงงาน ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ชุมชน มีบ้านเรือนล้อมรอบ พบว่า ไม่มีจุดสังเกตหรือสัญลักษณ์เตือนประชาชนเลยว่าอยู่ใกล้แหล่งเก็บวัตถุไวไฟแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะข้อมูลเชิงวิชาการที่ภาครัฐถืออยู่มีครบถ้วนที่จะดูแลประชาชนให้อยู่อย่างปลอดภัย แต่กลับถูกละเลยและปิดบัง
ท้ังนี้ เรื่องใบอนุญาตตั้งโรงงานอันตราย ได้ถูกยกเลิกการต่อใบอนุญาตไป จากเดิมที่ต้องต่อเรื่อย ๆ เพราะมีระยะเวลาหมดอายุทุก 5 ปี แต่กฎหมายดังกล่าวถูกยกเลิกหลัง คสช. ทำรัฐประหาร ซึ่งมีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้กฎหมายว่า ให้สามารถใช้ใบอนุญาตเดิมได้ตลอดจนกว่าจะเลิกกิจการ ไม่ต้องขอใหม่
อย่างไรก็ตาม การยกเลิกระบบการขอต่อใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทุก 5 ปี ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเป็นการให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบสภาพโรงงาน เครื่องจักร รวมถึงความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่อยู่ใกล้ ว่าสามารถดำเนินการเปิดต่อไปได้หรือไม่ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์สุดสลดในครั้งนี้