วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สิงคโปร์ประกาศว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของ Sinovac ไม่นับเข้าระบบขึ้นทะเบียนเป็นผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว เนื่องจากมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการต่อสู้กับโคโรนาไวรัส นายอง เย คุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ไม่มีข้อมูลทางการแพทย์หรือบทวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Sinovac ในการป้องกันการติดเชื้อ หรือการเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ Covid 19 สายพันธ์กลายพันธุ์อย่าง เดลต้า
ในขณะนี้ โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า คือสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดหนักที่สุดในสิงคโปร์ หลังจากพบคลัสเตอร์ที่สนามบินในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจำต้องออกมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการเว้นระยะห่างทางสังคม และการทำกิจกรรมสาธารณะ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการผ่อนปรนแล้วก็ตาม รัฐบาลประกาศว่า ประชาชนที่เข้าร่วม โครงการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชาติ เท่านั้น ถึงจะได้รับการขึ้นทะเบียนในระบบ โดยโครงการนี้ใช้วีคซีน 2 ตัวคือ Pfizer และ Moderna ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอย่างแพร่หลายว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง
ปัจจุบัน ประชาชนสิงคโปร์มากกว่า 3.7 ล้านคน ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นาแล้วอย่าง 1 โดส นับรวมเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากรทั้งหมด ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วมีเกือบ 2.2 ล้านคน
ส่วนประชาชนได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก มีจำนวนประมาณ 17,000 คน เนื่องจากในช่วงแรก ๆ มีความเร่งรีบและต้องการวัคซีนสูง แต่ขณะนี้ความต้องการอยากได้วัคซีน Sinovac เข็มที่สอง ลดลงอย่างมาก นอกจากนี้แล้ว ประชาชนที่ได้รับวัคซีน Sinovac จะต้องได้รับการตรวจ Covid-19 ทุกครั้ง ก่อนเข้าร่วมกิจกรรมหรือเข้าบางสถานที่ ในขณะที่ผู้ได้รับวัคซีน Pfizer และ Moderna ไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจ ทั้งนี้สิงคโปร์ตั้งเป้าว่า ประชากร 2 ใน 3 จะต้องได้รับวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาเข็มที่สองภายในวันที่ 9 สิงหาคม 2564