นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย ทำให้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ในภาวะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ในอัตราเกือบจะถึงหลักหมื่น ถือเป็นเรื่องที่น่าวิตก ดังนั้นการที่ภาคเอกชนช่วยแบ่งเบาภาครัฐด้วยการฉีดวัคซีนทางเลือกให้กับพนักงานและครอบครัว ถือเป็นมาตรการในการดูแลบุคลากรของเครือ
ในการนี้ได้ขอให้ซีอีโอและผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลของทุกบริษัทในเครือผนึกกำลังเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 และปกป้องดูแลพนักงานให้ปลอดภัย เพื่อเป็นการลดภาระภาครัฐ โดยล่าสุดเครือซีพีได้ประกาศให้เร่งฉีดวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มที่เครือซีพีได้รับการจัดสรรจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แก่พนักงานในสายการผลิต พนักงานด่านหน้าที่ต้องสัมผัสกับลูกค้าหรือผู้บริโภค และพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงโดยเร่งด่วน
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานดังกล่าวที่อยู่ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด หรือโลตัส เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่พนักงานและสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าและผู้บริโภค
นอกจากนี้ นายธนินท์มีนโยบายให้ซีอีโอและผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลทุกบริษัทหาทุกวิถีทางช่วยพนักงานและครอบครัว ในขณะเดียวกันขอให้พนักงานและครอบครัวก็ต้องดูแลตัวเองอย่างมีวินัย ถือเป็นการช่วยชาติช่วยองค์กร ซีอีโอ และผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลต้องผนึกกำลัง เพื่อไม่ให้พนักงานและบุคลากรมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรค ต้องเข้มงวด ต้องขอความร่วมมือพนักงาน มิฉะนั้นภาระจะไปอยู่กับประเทศ สุดท้ายประเทศจะเสียหาย