ส่องคอมเม้นต์ชาวเน็ต หลังมิสแกรนด์ไทยแลนด์ประกาศแบนเครือซีพี

ถือเป็นปมที่สร้างความฮือฮาจนถึงขั้นเป็นเรื่องทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์อย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีที่ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้ออกมาเรียกร้องขอให้ "เจ้าสัวซีพี" หรือเจ้าของเครือเซเว่นอีเลฟเว่น ออกมาบริจาคเงิน  100 ล้านบาท เข้าโครงการ "ณวัฒน์เพื่อคนไทย" 

 

แต่แล้วดูท่าว่าการขอบริจาคเงินดังกล่าวจะไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด กระทั่งมีเรื่องราวถาโถมเข้ามามากมาย ส่งผลทำให้ ณวัฒน์ ประกาศลาออกจากพิธีกรในรายการครัวคุณต๋อย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า ที่ยุติบทบาทนั้นมาจากตนโกรธที่มีผู้ใหญ่ในรายการส่งข้อความมาให้หยุดการกระทำพาดพิงถึง เจ้าสัวซีพี เนื่องจากเป็นสปอนเซอร์หลักในรายการ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้าน เพจเฟซบุ๊ก Miss Grand Thailand เองก็ได้ออกมาประกาศชัดๆ ว่า "นับจากนี้เป็นต้นไปองค์กรมิสแกรนด์ฯ ขอประกาศไม่สนับสนุนสินค้าในเครือ C.P. Group ทุกประเภท! "เพื่อสังคมแห่งการไม่เอาเปรียบ เราต้องเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะเริ่มต้น" ขอขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ"

แน่นอนว่าโพสต์ดังกล่าวทำให้เป็นที่พูดถึงอีกครั้งในโลกออนไลน์ ซึ่งทางเพจยังได้อธิบายรายละเอียดอีกว่า "ถ้าเราอยากได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ เราต้องกล้าที่จะเริ่มทำในสิ่งที่ต่างไปจากเดิม" และ "โพสต์นี้คือประกาศในส่วนของเจตนารมณ์ทางองค์กรเรานะคะ ส่วนแฟนๆ มิสแกรนด์ฯ เราถือว่าเป็นดุลยพินิจของแต่ละบุคคลค่ะ"

โดยประเด็นดังกล่าวได้ถูกแชร์และคอมเม้นต์กันอย่างกว้างขวางและหลากหลายความคิดเห็น ซึ่งบางส่วนมองว่า ประเด็นนี้ เวทีมิสแกรนด์ฯ ไม่น่าจะทำได้ เนื่องจากซีพีและบริษัทลูกนั้น มีธุรกิจในเครือหลายอย่าง ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง การประกาศแบนทั้งหมดอาจจะทำให้เวทีขาดสปอนเซอร์ ไม่มีที่ยืน 

นอกจากนี้ยังมีบางคอมเม้นต์ไปขุดเรื่องราวหรือกระทั่งมีคนที่ภาพเก่าๆ ของเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ขึ้นมา ซึ่งเคยมีผู้สนับสนุนเป็นสินค้าในเครือซีพี หรือรูปของ ณวัฒน์ ผู้ถือลิขสิทธิ์มิสแกรนด์ฯ ที่ขึ้นปก 7 แค็ตตาล็อก

ทว่าก็ยังมีอีกฝั่งที่ออกมาเชียร์เวทีนี้อย่างเต็มที่ และเชื่อว่าต่อให้ทางเวทีแบนการสนับสนุนสินค้าในเครือซีพี แต่เวทีก็ยังไปต่อได้ ด้วยแรงสนับสนุนจากแฟนๆ และหลายคนก็เริ่มต่อต้านสินค้าของซีพีในหลายรูปแบบแล้ว

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ซีพีและบริษัทในเครือ มักจะตกเป็นที่พูดถึงอยู่บ่อยครั้ง จากการทำธุรกิจที่หลากหลาย ครอบคลุมสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ จนหลายคนมองว่าการประกอบธุรกิจแบบนี้เป็นไปในลักษณะที่ผูกขาด ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ไม่ก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม