สืบเนื่องจากกรณีที่มีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบการการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่เริ่มแรกสุดมีเพียง 10 จังหวัดที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ ก่อนที่จะเพิ่มอีก 3 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงกระทั่งล่าสุดทางจากการประชุมของศบค.ชุดใหญ่ได้ประกาศเพิ่มอรก 16 จังหวัดให้อยุ่ในพื้นที่มีความเสี่ยงสูงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
แน่นอนว่าเมื่อมีผลกระทบดังกล่าวจึงมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบซึ่ง ล่าสุด 3 จังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และ พระนครศรีอยุธยา จะโอนเงินในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ ประกันสังคม ได้เปิดลงทะเบียนผ่าน เว็บไซต์ประกันสังคม ซึ่งเงื่อนไขต่างๆ ในการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบข้างต้น ประกันสังคม ได้ระบุเอาไว้ดังนี้
- ผู้ประกันตน ม.33
ในส่วนของ ผู้ประกันตน ม.33 นั้น จะได้รับเงินเยียวยา 2 ส่วน คือ เงินชดเชย 50% ของค่าจ้าง สูงสุด 7,500 บ. และเงินชดเชยเพิ่มเติมอีก 2,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือนคือในเดือน ก.ค. - ส.ค. รวม 5,000 บาท ซึ่งทาง ประกันสังคม จะดำเนินการทยอยโอนเงินผ่าน "พร้อมเพย์"
- นายจ้าง ม.33
สำหรับ นายจ้าง ม.33 จะได้รับเงินเยียวตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุด 200 คน
แต่ในส่วนของ นายจ้างที่ยังไม่ได้ยื่นขอรับค่าชดเชยเยียวยา นั้น สามารถยื่นความประสงค์ขอรับเงินได้ที่ ระบบ e – service ของประกันสังคม (คลิก) จากนั้นปริ้นข้อมูลแบบรับการ เงินเยียวยา แล้วกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม ส่งกลับมาให้ประกันสังคม
- นายจ้างที่เป็นนิติบุคคล
ส่วน นายจ้างที่เป็นนิติบุคคล นั้นต้องแนบแบบแสดงความจำนง, สำเนาบัญชีธนาคาร,หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจลงนามแทน) กลับมาด้วย
- นายจ้างบุคคลธรรมดา
ด้าน นายจ้างบุคคลธรรมดา แบบแสดงความจำนง, ผูกบัญชีธนาคารพร้อมเพย์ (ผูกเลขบัตรประชาชนเท่านั้น) เพื่อประกันสังคมจะได้โอนเงินให้โดยเร็ว
นอกจากนี้ การตรวจสอบสิทธิรับเงินเยียวยา ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบผ่านออนไลน์ได้ (คลิก) ซึ่งหากได้รับสิทธิ์ ต้องผูกพร้อมเพย์ กับบัญชีธนาคารด้วยเลขบัตรประชาชน เพื่อรับการโอนเงิน ซึ่งทางกระทรวงแรงงานเริ่มจ่าย เงินเยียวยา ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.64 เป็นต้นมานั้น
ขณะเดียวกัน ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวกับเรื่องนี้ว่า ภาพรวมการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 10 จังหวัดแรก ใน 9 กิจการ เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจากรายงานของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) พบว่า โอนเงินแล้ว 2,434,182 ราย เป็นเงิน 6,085,0000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการทำงานดังกล่าวพบว่า ไม่มีอะไรติดขัด มีเพียงผู้ประกันตนประมาณ 200,000 ราย ที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน แต่กำลังเร่งดำเนินการให้ผู้พร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการโอนเงินในวันที่ 13 สิงหาคมนี้