"หมอเเล็บ"เสียใจ เเค่เเชร์วิจัยที่ถูกถอน โดนสังคมหาว่าด้อยค่าฟ้าทะลายโจร

10 สิงหาคม 2564

"หมอเเล็บ" ตัดพ้อเสียใจ หาฟ้าทะลายโจรมาให้ผู้ป่วยเยอะมาก เเค่แชร์งานวิจัยที่ถูกถอนแค่งานวิจัยเดียว กลับโดนหาว่าด้อยค่าฟ้าทะลายโจร

    จากกรณีที่ทาง  กระทรวงสาธารณสุข ออกมายืนยันผลวิจัยฟ้าทะลายโจรช่วยลดปอดอักเสบผู้ป่วยโควิดอาการเล็กน้อย ชี้เเจงการถอนงานวิจัยจากการตีพิมพ์ มีข้อผิดพลาดการคำนวณตัวเลขสถิติ 1 จุด ไม่กระทบผลวิจัยหลัก ชี้เป็นความซื่อสัตย์ของนักวิจัยต้องนำมาแก้ไขเพื่อส่งตีพิมพ์ใหม่ ไม่ได้ถูกวารสารปฏิเสธหรือส่งกลับคืน นโยบายใช้ฟ้าทะลายโจรยังคงเดิม
 

หมอเเล็บ

  จากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจนนั้น ด้านทางเพจของ หมอแล็บแพนด้า  ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ โพสต์ตัดพ้อด้วยความเสียใจ หาฟ้าทะลายโจรมาให้ผู้ป่วยเยอะมาก  ล่าสุดแชร์งานวิจัยที่ถูกถอนแค่งานวิจัยเดียว โดนหาว่าด้อยค่าฟ้าทะลายโจรไปอีกครับ ชีวิตอดสูมาก นอนแพ้บ
 

หมอเเล็บ
 

    โดยเมื่อวันที่ 9ส.ค.64 ที่ผ่านมา แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แถลงข่าวประเด็นการศึกษาวิจัยฟ้าทะลายโจร ว่า เมื่อเริ่มพบการระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นโรคใหม่ ยังไม่มียาที่ได้รับรองการรักษาโดยตรง จึงมีการศึกษายาชนิดต่างๆ ที่คาดว่าจะใช้รักษาโควิดได้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงศึกษาฟ้าทะลายโจรที่มีคำตอบระดับห้องทดลองแล้ว โดยศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของฟ้าทะลายโจรสกัดในผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการไม่รุนแรงอายุ 18-60 ปี ไม่มีโรคประจำตัว และศึกษาแบบกสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจรในปริมาณที่คำนวณสำหรับการรักษา จำนวน 29 ราย และกลุ่มเปรียบเทียบที่ได้รับยาที่ไม่มีสารสกัดฟ้าทะลายโจร (ยาหลอก) 28 ราย พบว่ามีแนวโน้มได้ผลดี ลดการพัฒนาของโรคไม่ให้เดินหน้ารุนแรงขึ้นจนมีปอดอักเสบ

หมอเเล็บ

   กลุ่มที่ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจรไม่พบอาการปอดอักเสบทั้งหมด กลุ่มที่ใช้ยาหลอกมีปอดอักเสบ 3 ราย คิดเป็น 10.7% ขณะที่การคงอยู่ของตัวไวรัสในวันที่ 5 ของกลุ่มที่ได้รับสารสกัดฟ้าทะลายโจรพบตัวไวรัส 10 ราย ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้สารสกัดฟ้าทะลายโจร พบตัวไวรัสเกินครึ่งคือ 16 ราย จึงตอกย้ำความเป็นไปได้ของฟ้าทะลายโจรที่มีประสิทธิภาพในการรักษา และไม่พบปัญหาผลกระทบเรื่องตับ ไต และระบบเลือด ถือว่ามีความปลอดภัยจึงผลักดันการศึกษาต่อเนื่อง นำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการใช้ยา 
 

แพทย์หญิงอัมพร
 

   แพทย์หญิงอัมพรกล่าวว่า ทีมนักวิจัยของกรมการแพทย์แผนไทย ฯ ได้เสนอผลวิจัยในระดับนานาชาติ โดยส่งไปตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ เพื่อแบ่งปันเพื่อนนักวิจัยแวดวงอื่น ซึ่งในงานวิจัยมีการคำนวณค่าต่างๆ โดยพบความผิดพลาดทางสถิติ 1 จุด คือ ค่านัยสำคัญทางสถิติ เนื่องจากจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ค่อนข้างน้อย ตอนแรกค่านัยสำคัญทางสถิติอยู่ที่ 0.03 หมายถึงทดลอง 100 ครั้ง ผลลัพธ์คงเดิม 97 ครั้ง ระหว่างรอตีพิมพ์มีการพิจารณาอีกครั้งพบว่าค่าอยู่ที่ 0.112 หมายถึงทดลอง 100 ครั้ง ผลลัพธ์คงเดิม 90 ครั้ง จึงต้องถอนงานวิจัยออกมา เพราะเป็นเรื่องสำคัญในทางวิชาการ นักวิจัยต้องมีความซื่อสัตย์ต่อผลลัพธ์ จึงนำเอกสารกลับมาแก้ไขให้ถูกต้องก่อนส่งกลับไปตีพิมพ์ใหม่ มิได้ถูกปฏิเสธจากวารสารแต่อย่างใด และเนื้อหางานวิจัยหลักยังเป็นไปตามรายงานฉบับแรก คือ ใช้ป้องกันผู้ติดโควิดอาการเล็กน้อยไม่ให้เกิดภาวะปอดอักเสบ ทิศทางนโยบายการใช้ฟ้าทะลายโจรจึงยังเหมือนเดิม ทั้งการจ่ายยาในระบบการดูแลที่บ้านหรือชุมชน

 

   สารสกัดฟ้าทะลายโจรถือว่าเป็นยา ต้องใช้อย่างระมัดระวังภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ควรรับประทาน 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งวันละ 3 ครั้งต่อเนื่อง 5 วัน ส่วนเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไปรับประทาน 3.5-5 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งวันละ 3 ครั้งต่อเนื่อง 5 วัน ข้อห้ามใช้คือผู้ที่มีอาการแพ้ หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพราะอาจกระทบทารกได้ ผู้ป่วยโรคตับและไตอาจทำให้ยาสะสมในร่างกาย เนื่องจากกำจัดยาได้ช้า รวมถึงผู้ที่รับประทานยาตัวอื่น เช่น วาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ยาลดความดันโลหิต

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews