กรณีเงินเยียวยานักเรียน คนละ2 พันบาท นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เผยว่า ครม.มีมติเห็นชอบ 3 มาตรการ ให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของกระทรวงศึกษาธิการ นักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกสังกัด รวมทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และวิชาชีพชั้นสูง คนละ 2,000 บาท พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับสถานศึกษา 34,887 แห่ง
โดยที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ใน 3 มาตรการ วงเงิน 22,000 ล้านบาท ดังนี้
- มาตรการที่ 1 ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชั้นอนุบาล-ม.6 และระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครองแล้วแต่กรณี ในรูปแบบของเงินสด หรือนำเข้าบัญชีธนาคาร จำนวนประมาณ 11 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท
- มาตรการที่ 2 การขอความร่วมมือให้กลุ่มโรงเรียนเอกชน ที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ปกครอง ให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนเกินสมควร และจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในโรงเรียนเอกชนกลุ่มโรงเรียนเอกชนที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐและกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ เพื่อใช้มาตรการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 32 และ 34 ของพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 เป็นรายกรณี
- มาตรการที่ 3 เป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gaps) และลดผลกระทบด้านความรู้ที่ขาดหายไป (Learning Loss) โดยให้สถานศึกษาสามารถถัวจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ ได้แก่ค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในปีการศึกษา 2564 ได้
พร้อมกันนี้จะมีโรงเรียนในสังกัด ศธ.จำนวน 34,887 แห่ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาความปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และจัดทำสื่อ อุปกรณ์การเรียนรู้ รวมวงเงินรวมประมาณ 400 ล้านบาท
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน ยึดหลักการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้เรียน ทั้งในสถานศึกษาทั่วไป ด้อยโอกาส ยากจน และกลุ่มเด็กพิการ และจากมติ ครม.ในครั้งนี้ จะทำให้ผู้เรียนทุกกลุ่มได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและการดำรงชีวิต ทำให้มีความพร้อมในการเรียน ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ขณะเดียวกันสถานศึกษาก็ได้รับการสนับสนุน เพื่อให้สามารถจัดการเรียนรู้ เพื่อลดช่องว่าง การเรียนรู้ และผลกระทบด้านความรู้ของนักเรียน นักศึกษาที่ขาดหายไป และในส่วนของผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 ก็ได้รับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ของบุตรหลานเพิ่มเติมมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ในสังกัด ศธ. และนอกสังกัด ศธ.ที่ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 2,000 บาท จำนวนรวมเกือบ 11 ล้านคน ประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชนที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ 9.8 ล้านคน ส่วนสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. มีทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านคน ประกอบด้วยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร และสถานศึกษาสังกัดเมืองพัทยา
ขั้นตอนจ่ายเงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาท
จ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครองแล้วแต่กรณี ในรูปแบบของเงินสด หรือนำเข้าบัญชีธนาคาร จำนวนประมาณ 11 ล้านคน วงเงินรวมประมาณ 21,600 ล้านบาท
โครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ตามมาตรการที่ 1 โดยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา จำนวน 2,000 บาทต่อคน ในภาคการศึกษาที่ 1/2564 กรอบวงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท โดยใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ 2 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564
ช่วงวันโอนเงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาท
ทั้งนี้ เห็นควรมอบหมายให้ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณากำหนดกลไกการตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการให้ความช่วยเหลือที่ซ้ำซ้อนของนักเรียน/นักศึกษาในสถานศึกษาทั้งหมดในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทั้งสถานศึกษาของรัฐและสถานศึกษาเอกชน และนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการควบคู่กับการกำหนดหลักเกณฑ์และระบบการจัดเก็บเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ที่ใช้ในการเบิกจ่ายอย่างชัดเจน เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
"หากสำนักงานงบประมาณ จัดทำรายละเอียดและจัดสรรเงินมาให้ ศธ.แล้ว จากนั้น ศธ.จะตรวจสอบข้อมูล เพื่อจัดสรรเงินงบประมาณลงไปที่สถานศึกษาต่อไป คาดว่าภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 นี้ หรือต้นเดือนกันยายนนี้ สถานศึกษาจะได้รับเงิน และทำการโอนเงินเยียวยา 2,000 บาท ให้นักเรียนและผู้ปกครองต่อไป" นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ระบุ