ดุเดือดอย่างมากสำหรับกลุ่มแนวธรรมศาสตร์และการชุมนุม มีการเชิญชวนรวมตัวกันจัดกิจกรรมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้กับประเทศ โดยใจความหลักๆ ยังคงเป็นการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการบริหารและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ที่ล้มเหลว
ม็อบ10สิงหา เริ่มปะทุอย่างหนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งกองกำลังของตำรวจมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ม็อบ ทว่าในเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้เริ่มมีการยิงแก๊สน้ำตา พร้อมทั้งกระสุนยางใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังปักหลักในบริเวณแยกดินแดง ทำให้ได้เห็นบรรยากาศของกลุ่มควันที่ลอยคละคลุ้ง อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังขึ้นมาเป็นระยะๆ นอกจากนี้เจ้าหน้านี้ยังได้นำรถจีโน่มาควบคุมฝูงชนอีกด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้อีกหนึ่งกลุ่มคนที่ต้องโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บไปด้วยก็คือ สื่อมวลชน ที่ได้เดินทางลงพื้นที่ไปรายงานข่าวในพื้นที่ที่เกิดการปะทะ แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ชุลมุนจึงทำให้มีผู้สื่อข่าวถูกลูกหลงจากการยิงกระสุนยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหนุ่งในนั้นก็คือ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย นักข่าวภาคสนามชื่อดัง ที่ได้รายงานข่าวบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง
โดยขณะที่เธอกำลังไลฟ์สดเพื่อรายงานอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีกระสุนยางยิงมาโดนที่ขาของเธอ เธอจึงบอกให้ทีมงานหาที่หลบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้มีการยิงกระสุนยางใส่กลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้เธอยังได้รายงานสถานการณ์ ณ ตอนนั้นอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้นำรถจีโน่มาควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ในบริเวณดังกล่าวแล้ว
ก่อนหน้านี้ ศาลเเพ่ง ได้สั่งให้ตำรวจใช้ความระมัดระวังปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมสลายการชุมนุมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสื่อมวลชน พร้อมทั้งยกคำร้องขอห้ามใช้กระสุนยางเหตุมีกฎหมายอาญาคุ้มครองอยู่เเล้ว โดยพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558มาตรา 3 (6) กำหนดมิให้ใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวแก่การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นซึ่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มีเจตนารมณ์ให้อำนาจฝ่ายบริหารมีอำนาจพิเศษบางประการสำหรับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งรวมถึงการออกประกาศและข้อกำหนดเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงโดยเร็ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews