นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ เด็กและสตรี เปิดเผยว่า ตามที่เคยยื่นหนังสือต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.64 เพื่อให้คณะกรรมการป.ป.ช. ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของคณะพนักงานอัยการ ที่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ อดีตผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ในสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นผู้ต้องหาร่วมกับนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี และจากพฤติการณ์เชื่อได้ว่า ทั้ง 3 คนคือเจ้าของสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท
นายรณสิทธิ์ ให้เหตุผลของการยื่นครั้งนี้ว่า ตลอด 3 ปี ได้ยื่นทวงถามเหตุผลการใช้ดุลพินิจรวมทั้งหลักฐานประกอบคำสั่งไม่ฟ้องนางนิภาฯ และนายธนพลฯ จากอัยการว่าใช้หลักฐานใด แต่ไม่เคยได้รับคำตอบแม้แต่ครั้งเดียว
และเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงยื่นจดหมายถึงประธานกรรมการป.ป.ช. พล.ต.อ.วัชรพลฯ เป็นครั้งที่2 โดยให้ตรวจสอบอัยการสูงสุด นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ว่า ในฐานะอัยการสูงสุด ได้มีการปล่อยปละละเลยหรือมีส่วนร่วมในการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งนางนิภาฯ และนายธนพลฯ ด้วยหรือไม่ หากมีการกระทำความผิดหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือมีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ ขอให้กรรมการป.ป.ช.ตรวจสอบและเอาผิดกับบุคคลทุกระดับชั้น ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องหรือมีการเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด
มูลนิธิรณสิทธิ์ฯ ขอวิงวอนให้คณะกรรมการป.ป.ช. สอบสวนคดีนี้ เพื่อดึงความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีกระบวนการยุติธรรมที่เที่ยงตรง และมีการยุติคดีเหล่านั้นด้วยความเป็นธรรมทุกคดี
อีกประการหนึ่งคือ นายวงศ์สกุล จะเกษียณอายุราชการในเดือนต.ค.นี้ ขอให้ชี้แจงว่าเหตุใดในระหว่างที่นายวงศ์สกุล ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด พนักงานอัยการใต้บังคับบัญชาของนายวงศ์สกุล ถึงได้มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหารายสำคัญทั้งในคดีวิคตอเรียซีเครทที่เป็นคดีค้ามนุษย์ และคดีนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อ เสียชีวิต โดยพฤติการณ์เหมือนกันทั้ง 2 คดี คือผู้ต้องหาหลบหนีคดี แต่มายื่นร้องขอความเป็นธรรม และอัยการใต้บังคับบัญชาของนายวงศ์สกุล ก็มีการกลับคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีสำคัญ ทั้ง 2 คดี
นอกจากนั้น อยากให้ ป.ป.ช.สอบสวนต่อด้วยว่า หนังสือขอความเป็นธรรม ของนายกำพลฯ ซึ่งค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวงศ์สกุล หรืออัยการใต้บังคับบัญชาของนายวงศ์สกุล ได้มีคำสั่งอย่างใด เพราะไม่อยากเห็นกรณีที่เกิดซ้ำรอยเหมือนคดีบอส วรยุทธ ซึ่งยอมรับว่า คดีวิคตอเรียฯ องค์กกรต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร เป็นห่วงในคดีนี้เป็นอย่างยิ่งเพราะกระทบภาพลักษณ์ประเทศไทย ในการจัดอันดับการค้ามนุษย์ ที่ปีนี้ไทย ตกลงมาอยู่ระดับเทียร์ 2 เฝ้าจับตาหรือเฝ้าระวัง
โดยก่อนหน้านี้ 19 ก.ค.64 หนังสือของประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ฯ ยื่น ถึงนายวงศ์สกุล ยื่นถึงนายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ยื่นถึงนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน ว่าที่อัยการสูงสุด และพล.ต.อ.วัชรพล เนื้อหาในหนังสือ ขอให้ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องคคีสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท และการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาคนสำคัญคือนายกำพลฯ ที่ต่อมาในคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาว่า วิคตอเรียซีเครทเป็นสถานบริการค้ามนุษย์ ทั้งตัดสินจำเลยมีความผิดข้อหาค้ามนุษย์ ให้จำคุกสถานหนักทุกราย
โดยเฉพาะหนังสือฉบับที่ยื่นถึง พล.ต.อ.วัชรพล นายรณสิทธิ์ ย้ำว่า กรณีการสั่งไม่ฟ้องคดีนางนิภาฯ และนายธนพลฯ มีรูปแบบเดียวกันกับคดีนายบอส วรยุทธ จากเดิมที่เคยสั่งฟ้อง แต่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม แล้วอัยการกลับคำสั่งเป็นไม่ฟ้อง และทราบจากหลักฐานการสอบสวนของพนักงานสอบสวนคดีวิคตอเรียฯ ว่า ปรากฎว่ามีพนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่ง เกี่ยวข้องในคดีวิคตอเรียฯ ด้วย ซึ่งนายรณสิทธิ์ ได้ร้องเรียนป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเส้นเงินของวิคตอเรียฯ ไปยังอัยการระดับสูงคนหนึ่ง โดยเป็นอัยการคนเดียวกับที่ถูกกรรมการ ป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนในคดีนายบอส
ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้โปรดสอบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2 คดี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับพนักงานอัยการ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการโดยมิชอบต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews