เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า โรคยังคงแพร่ระบาดต่อเนื่อง ต้องเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้สัมผัสเชื้อที่อยู่ในบ้านและชุมชน เพื่อนำเข้าสู่ระบบการดูแลรักษา ป้องกันไม่ให้แพร่กระจายเชื้อ สำหรับผู้ป่วยโควิด 19 ที่ได้รับการรักษาจนหายป่วยแล้ว และแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล กลับไปพักฟื้นหรือกักตัวต่อที่บ้านตามหลักเกณฑ์ของกรมการแพทย์ ขณะนี้มีวันละกว่า 20,000 รายทั่วประเทศ โดยยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 - 13 สิงหาคม 2564 มีผู้หายป่วยจากโรคโควิด 19 รวม 640,130 ราย
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า ผู้ที่หายป่วยและได้ออกจากโรงพยาบาลหลังเข้ารับการรักษาจนครบ 14 วัน หรือกลับมากักตัวที่บ้านจนครบ 14 วัน จัดว่าเป็นผู้ที่พ้นระยะการแพร่เชื้อ และอยู่ในระยะที่ร่างกายฟื้นตัว ไม่จำเป็นต้องแยกกักตัวหรือแยกจากคนอื่นแล้ว สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งผู้ที่เคยติดเชื้อจะมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นหลัง 3 เดือนไปแล้ว จึงจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนในภายหลังด้วย อย่างไรก็ตามขอให้ยังคงต้องปฏิบัติดูแลสุขอนามัยตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค เพื่อป้องกันการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะยุติ ดังนี้
สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ สเปรย์แอลกอฮอล์ 70% ถูมือให้ทั่วถึง ก่อนรับประทานอาหาร และภายหลังเข้าห้องน้ำ ห้องส้วม หรือหยิบจับสิ่งของต่างๆ ไม่ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารและแก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น ดื่มน้ำสะอาดมากๆ รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ สะอาด ให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง แต่หากมีอาการท้องเสียหรืออาเจียนให้ งด อาหารย่อยยากและอาหารประเภทนมหรือผลไม้สด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ หรือยาเสพติดทุกชนิด เพื่อลดการทำลายอวัยวะภายใน ทำให้สุขภาพอ่อนแอลงได้
นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปอีกว่า ระหว่างที่พักฟื้นอยู่บ้าน ขอให้สังเกตตนเอง หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่ เช่น มีไข้สูง ไอมาก มีอาการเหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก เบื่ออาหาร เป็นต้น อาการที่กล่าวมาอาจเกิดมาจากหลายสาเหตุ ทั้งอาจเป็นเชื้อไวรัสโควิด 19 หรือติดเชื้อชนิดอื่นๆ ได้ ขอให้รีบติดต่อที่สถานพยาบาลเดิมที่เคยรักษา หรือโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 และหากต้องไปสถานพยาบาล ให้สวมหน้ากากอนามัยระหว่างเดินทางตลอดเวลา
ขอบคุณ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews