จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่าในช่วงเช้าเวลา 09.00 น.นายกฯ เป็นประธานในงานแถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” ผ่านระบบ Video Conference ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นเวลา 10.00 น.นายกฯเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ครั้งที่ 1/2564 ผ่านระบบ Video Conference ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และจากนั้นเวลา 13.30 น.นายกฯจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านระบบ Video Conference ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า
โดยในที่ประชุมต้องจับตาวาระสำคัญคือ การพิจารณาขยายมาตรการยกระดับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด เดิมระบุว่าจะดูถึงช่วงถึงวันที่ 18 สิงหาคม อาจต้องขยายไปถึงวันที่ 31 สิงหาคม เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังอยู่ระดับที่สูงมาก รวมถึงมีการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการในห้างสรรพสินค้า ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยเสนอขอผ่อนปรน 4 ธุรกิจ ได้แก่ ธนาคารและสถาบันการเงิน ธุรกิจสื่อสารและไอที ร้านเบ็ดเตล็ด และร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานจะเสนอขอให้พิจารณาผ่อนปรนการล็อกดาวน์ธุรกิจส่งออกขนาดใหญ่ 4 ประเภท ได้แก่ อาหาร ยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ส่งออกได้ รวมถึงการดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน หรือแฟคตอรี่ แซนด์บ็อกซ์ นอกจากนี้ ศบค.อาจจะพิจารณากรณีสมาคมฟุตบอลฯ เสนอแนวทางการจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ภายใต้สถานการณ์โควิด ที่มีกำหนดการเปิดสนามนัดแรกช่วงวันที่ 3-5 กันยายน ว่าจะสามารถแข่งขันได้ตามกำหนดหรือไม่ ขณะที่อีโอซีของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะเสนอให้ ศบค.พิจารณาขยายเวลาการใช้มาตรการควบคุมโรคใน จ.ภูเก็ต ออกไปอีก เนื่องจากคำสั่งเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 16 สิงหาคม ขณะเดียวกัน อีโอซีของกระทรวงสาธารณสุขจะรายงานเรื่องการรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศ ทั้งเรื่องการแลกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ระหว่างรัฐบาลภูฏานกับรัฐบาลไทย รวมถึงการรับบริจาค Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จากกระทรวงสาธารณสุข เยอรมนี
โดยล่าสุดในช่วงบ่ายวันนี้ (16 ส.ค.2564) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมศบค.เห็นชอบต่อมาตรการ “ล็อกดาวน์” พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29จังหวัด ต่อไปอีกถึง วันที่ 31ส.ค.นี้ พร้อมกับให้ใช้มาตรการ work from home 100%
ส่วนการผ่อนคลายมาตรการ นั้น ศบค.อนุญาตให้เปิดธนาคารหรือสถาบันการเงิน ในห้างสรรพสินค้าได้เพิ่มเติมเพียงธุรกิจเดียว ส่วนร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า/ไอที-สื่อสาร/ร้านเบ็ดเตล็ด ยังไม่อนุญาต เพราะหาซื้อทางออนไลน์ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews