วิสัญญีแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตใช้เทคนิคเพื่อผ่าคลอดหญิงเมียนมาติดโควิด เผยไม่ทำให้เชื้อแพร่กระจาย ระบุว่า นี่ไม่ใช่เพียงครั้งแรก...ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตผ่าคลอดหญิงตั้งครรภ์ป่วยโควิด19 ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ผ่าคลอดหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อโควิด19 อายุ 30 ปี ชาวพม่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2564) เวลา 12.50 น. เบื้องต้นมารดาท้องที่สอง อายุครรภ์ 39 สัปดาห์ เป็นทารกเพศชาย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
ซึ่งโรงพยาบาลได้วางแผนการดูแลรักษาและเตรียมการผ่าตัดคลอด ตั้งแต่กระบวนการดูแลผู้ป่วย การรับผู้ป่วยจากหอผู้ป่วยและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากอาคารหอผู้ป่วยมายังอาคารห้องผ่าตัดโดยใช้รถพยาบาลและทีมศูนย์นเรนทรอันดามัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย จนถึงห้องผ่าตัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยอย่างสูงสุด
ทันทีที่ทราบทางโรงพยาบาลได้ประสานทีมสหวิชาชีพแพทย์และเตรียมความพร้อมทีมสูตินรีเวชวิทยา ทีมวิสัญญีแพทย์ วิสัญญีพยาบาล และทีมกุมารแพทย์ โดยมี นพ.ปฐม ยะจ่อ กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม พญ.สิตาภา ภาษี กลุ่มงานกุมารเวชกรรม พญ.พยุงภัค สวนยา หัวหน้ากลุ่มงานวิสัญญีวิทยา นพ.กริช หรรษอุดม วิสัญญีแพทย์ ทีมห้องผ่าตัด และทีมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ภายในโรงพยาบาลเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ป่วย ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 แล้ว สำหรับการผ่าคลอดผู้ป่วยโควิดท้อง ปลอดภัยทั้งแม่และลูก
"การผ่าตัดครั้งนี้วิสัญญีแพทย์ได้ใช้เทคนิคการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังหรือการบล็อกหลัง วิธีนี้ไม่ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อ ปลอดภัยทั้งผู้ป่วย ลูก และบุคลากรที่ให้การดูแล ทีมแพทย์สูตินรีเวชกรรม ได้ทำการผ่าคลอดทารกเพศชายในเวลา 12.50 น. แม่และทารกปลอดภัย ซึ่งทีมกุมารแพทย์ได้เข้าไปดูแลเด็กตั้งแต่แรกคลอดและเคลื่อนย้ายมายังหอผู้ป่วยแยกโรคโดยมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งโอกาสที่เด็กติดเชื้อจากในครรภ์มีน้อยมาก"
และนี่ไม่ใช่เป็นเพียงครั้งแรกที่ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตทำการผ่าตัดหญิงตั้งครรภ์ป่วยโควิด19 ประสบความสำเร็จและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก นอกจากนี้บุคลากรทางการแพทย์ ภายหลังการผ่าตัด ได้ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณห้องผ่าตัดและจุดเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทุกจุด บุคลากรทางการแพทย์ได้วางแผนการทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อบริการประชาชนให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews