จากกรณี นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนายการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวระหว่างการแถลงสถานการณ์โควิด-19 และประสิทธิผลของวัคซีนในไทย โดยชี้ถึงความจำเป็นในการจัดซื้อวัคซีน "ซิโนแวค" เพิ่มเติม 12 ล้านโดส เพื่อนำมาฉีดไขว้ให้กับประชาชน
สำหรับ ความจำเป็นที่จะต้องจัดซื้อ Sinovac เพิ่มเติม 12 ล้านโดส เพื่อนำมาใช้ในสูตรที่จะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันในเวลาที่รวดเร็ว โดยนำ Sinovac มาฉีดไขว้เป็นเข็มแรก ตามด้วย AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงมาก และไม่ต้องรอเว้นระยะห่าง 3 เดือนเหมือนการฉีด AstraZeneca 2 เข็ม ซึ่งคณะกรรมการวิชาการได้ติดตามศึกษาเรื่องนี้มาโดยตลอด
สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าวนั้น พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงการเห็นชอบให้จัดซื้อวัคซีน “ซิโนแวค” เพิ่มเติม 12 ล้านโดส ว่า ศบค. ยึดความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากการศึกษารายงานวิจัยทั้งในพื้นที่และโรงเรียนแพทย์ที่หลากหลาย มาประกอบการพิจารณา ซึ่งพบว่าการฉีดวัคซีนไขว้ชนิด ช่วยให้ประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อและลดอัตราการรุนแรงและเสียชีวิตได้มาก
ประกอบกับแผนการระดมฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ซึ่งเดิมที่วางไว้จะมีการเติมวัคซีนเข้ามาจาก 2 ส่วน คือจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตราเซเนกา คาดว่าจะให้รวมกันอยู่ที่เดือนละประมาณ 10 ล้านโดส แต่จากที่สาธารณสุขรายงานไปก่อนหน้านี้ว่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ได้ในไตรมาส 4 ที่ตกลงไว้ จึงทำให้ต้องปรับแผน ประกอบกับการจัดส่งแอสตราเซเนกาที่ไม่ได้ถึงเดือนละ 10 ล้านตามแผนเดิม