เปิดผลวิจัย ระดับภูมิคุ้มกัน หลังฉีดวัคซีนไขว้ ซิโนแวค-แอสตร้าเซเนก้า

21 สิงหาคม 2564

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดผลวิจัย ระดับภูมิคุ้มกัน หลังฉีดวัคซีนไขว้ ซิโนแวค-แอสตร้าเซเนก้า

จากกรณี นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า งานวิจัยของการฉีดวัคซีนแบบสลับ (Mix and Match) จากการตรวจภูมิคุ้มกันแบบภาพรวม รวมถึงการฉีดกระตุ้นเข็ม 3 แบบ heterologous prime-boost ซึ่งร่วมกับศิริราชพยาบาล โดยใช้ไวรัสสายพันธุ์จริงที่กำลังระบาดในประเทศไทย คือ สายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617.2) ทำการทดสอบโดยวิธีมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วไปคือวิธี Plaque Reduction Neutralization Test (PRNT)

 

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
 

โดยผลการศึกษานี้ทำการศึกษาในอาสาสมัคร 6 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 ที่ได้รับวัคซีน CoronaVac 2 เข็ม (SV+SV)

กลุ่มที่ 2 ได้รับ วัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม (AZ+AZ)

กลุ่มที่ 3 ได้รับ วัคซีน CoronaVac และตามด้วย AstraZeneca (SV+AZ)

กลุ่มที่ 4 ได้รับ วัคซีน AstraZeneca และตามด้วย CoronaVac (AZ+SV)

กลุ่มที่ 5 ได้รับ วัคซีน CoronaVac 2 เข็มและตามด้วย Covilo 1 เข็ม (SV+SV+Sinopharm)

กลุ่มที่ 6 ได้รับ วัคซีน CoronaVac 2 เข็มและตามด้วย AstraZeneca 1 เข็ม (SV+SV+AZ)

 

เปิดผลวิจัย ระดับภูมิคุ้มกัน หลังฉีดวัคซีนไขว้

 

ทั้งนี้ เพื่อหาค่าที่ไวรัสสายพันธุ์เดลตาถูกทำลาย 50% (Neutralizing Titer 50%, NT50) โดยแอนติบอดีที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีน พบว่าระดับภูมิคุ้มกันในกลุ่มต่างๆ หลังการได้รับวัคซีนครบโดส 2 สัปดาห์ ต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา มีค่าเฉลี่ยระดับภูมิคุ้มกันที่สามารถลบล้างฤทธิ์ไวรัส พบว่า การให้วัคซีนสลับแบบ ซิโนแวค + แอสตร้าเซเนก้า (SV+AZ) มีภูมิคุ้มกันสูงกว่าการให้วัคซีน ซิโนแวค 2 เข็ม (SV+SV) และเทียบเท่ากับการให้ แอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม (AZ+AZ)แต่ใช้เวลาสั้นลง

 

เปิดผลวิจัย ระดับภูมิคุ้มกัน หลังฉีดวัคซีนไขว้

 

ส่วนการกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย แอสตร้าเซเนก้า คือ 2 เข็มแรกเป็นซิโนแวค (SV+SV+AZ) สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้นถึง 11 เท่า ในขณะที่กระตุ้นเข็ม 3 ด้วยซิโนฟาร์ม (SV+SV+Sinopharm) ที่เป็นวัคซีนเชื้อตายเหมือนกัน ให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นเพียง 2.5 เท่า

 

เปิดผลวิจัย ระดับภูมิคุ้มกัน หลังฉีดวัคซีนไขว้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews