จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หารือร่วมกับ 9 สมาคมธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจร้านอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมคลินิกเอกชน สมาคมผู้ประกอบการสปาไทย กลุ่มสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย สมาคมสนามกอล์ฟไทย สมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย และสมาคมภัตตาคารไทย ที่เดินทางมายื่นหนังสือข้อเรียกร้องเพื่อขอผ่อนคลายมาตรการให้สามารถประกอบธุรกิจภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันโรค
โดยตัวแทนสมาคมศูนย์การค้าไทยและอีก 7 สมาคมที่เหลือ ได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องพร้อมกัน
ระยะที่ 1 ให้วันที่ 1 กันยายน อนุญาตให้ร้านอาหาร และเครื่องดื่มประเภทนั่งทานในร้าน นั่งได้ 50% และให้ธุรกิจอื่นกลับมาเปิดได้ เช่น คลินิกทันตกรรม ธุรกิจเสริมสวยยกเว้นบนใบหน้า ธุรกิจสุขภาพและสปาเฉพาะนวดเท้า เฟอร์นิเจอร์ เวชกรรม ไอที อุปกรณ์สื่อสารและไฟฟ้า ธุรกิจอาคารสำนักงาน ธุรกิจการบริการ เช่น ล้างรถ ไปรษณีย์ ธุรกิจเบ็ดเตล็ด เช่น ร้านตัดแว่น ธุรกิจสนามกอล์ฟและสนามกีฬากลางแจ้ง
ระยะที่ 2 ให้วันที่ 15 กันยายน ขออนุญาตให้นั่งในร้านได้ 75% และเปิดธุรกิจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายรวมถึงธุรกิจสถาบันการศึกษาได้
ระยะที่ 3 เริ่มสิ้นเดือนกันยายน ให้เปิดได้นั่งทานในร้านเต็ม 100% ส่วนธุรกิจประกอบการเพื่อสุขภาพและสปากลับมาเปิดได้ทั้งหมด รวมไปถึงธุรกิจเครื่องเล่นเด็กและผู้ใหญ่ ฟิตเนสและออกกำลังกายในร่ม โรงภาพยนตร์ ห้องจัดเลี้ยง
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.กล่าวว่า สธ.อยากจะให้มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อ จึงเสนอมาตรการองค์กร ผู้ประกอบการทั้งหลายจัดระบบป้องกันการติดเชื้อ ขอให้พื้นที่บริการทั้งหมดต้องปลอดโควิด (covid free) ช่วยกันคัดกรองผู้ที่จะเข้าไปในห้างสรรพสินค้า สถานประกอบการแต่ละแห่ง
เบื้องต้นมีหลักปฏิบัติ 3 ข้อ 2 ข้อแรกเป็นของผู้ประกอบการ คือ จัดสภาพแวดล้อม ให้มีระยะห่าง ระบบระบายอากาศดี สถานที่สะอาดปลอดภัย ส่งเสริมให้มีการฉีดวัคซีนบุคลากรให้ครบถ้วน 2 เข็ม ซึ่งบางส่วนมีการฉีดไปแล้ว ส่วนที่เหลือมีจำนวนไม่มาก สธ.จะดูแลให้
นอกจากนี้ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ โดยให้มีการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK เป็นระยะ ซึ่งในส่วนนี้ลูกค้าต้องปฏิบัติด้วย คือ ตรวจหรือแสดงตนว่าไม่ได้เป็นคนผู้ติดเชื้อ คือ ฉีดวัคซีน 2 เข็ม ซึ่งมีข้อมูลในหมอพร้อม มีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR หรือเป็นผู้ที่เคยติดเชื้อไปแล้ว 1-3 เดือน เป็นมาตรการสำหรับสถานประกอบการในระบบปิด ส่วนระบบเปิดน่าจะผ่อนปรนได้มากกว่านี้
เมื่อถามถึงระยะเวลาผ่อนปรน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า รอ ศบค. พิจารณา ถ้าอนุญาตให้ผ่อนปรนได้ คาดว่าการผ่อนปรนกิจการเหล่านี้น่าจะอยู่ในระยะเวลาราวๆ เดียวกัน กรมควบคุมโรคจะมีการพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง