ความคืบหน้ากรณีผกก.โจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล เเละพวก รีดเงิน2ล้านจากผู้ต้องหา ซึ่งได้มีการออกหมายจับ ผกก.โจ้ พร้อมพวกรวม 7 คน เเละล่าสุดเมื่อวันที่ 25ส.ค.64 เจ้าหน้าที่สามารถติดตามควบคุมตัว "ดาบโบ้"ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผบ.หมู่(ป)สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้เป็นรายที่5 ทำให้ตอนนี้เหลืออีก 2รายที่ยังหลบหนี 1ในนั้นคือผู้กำกับโจ้ เเละ ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา รอง สวป.สภ.เมืองนครสวรรค์
โดยในวันนี้ 26 ส.ค.64 ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ชุดปฏิบัติการพิเศษ จากชุดกองบังคับการตำรวจภูธรจ.นครสวรรค์ ได้ควบคุมตัว ผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ได้แก่ พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์ , ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค รอง สวป.สภ.เมืองนครสวรรค์ ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผบ.หมู่(ป.)สภ.เมืองนครสวรรค์ , ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ผบ.หมู่(ป.) สภ.เมืองนครสวรรค์และ ส.ต.ต.ปวีกรณ์ คำมาเร็ว ผบ.หมู่(ป.) สภ.ตาคลี ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครสวรรค์หลังร่วมกับพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผกก.โจ้ อดีตผกก.สภ.เมือง จ.นครสวรรค์ก่อเหตุรีดเงิน1ล้าน นายจิระพงศ์ ธีระพัฒน์ อายุ 24 ปี จนเป็นเหตุทำให้ผู้ต้องหารายดังกล่าวเสียชีวิต
ทั้งนี้ทางเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้เปิดเผย ที่มาของความร่ำรวยของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้เฟอร์รารี่ " อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยเมื่อครั้งรับราชการในภาคใต้ได้ค้นพบช่องทางทำกำไรจากการลงทุนซื้อรถหรู-ซูเปอร์คาร์จากประเทศมาเลเซีย เนื่องจากราคาถูกกว่าไทยมาก หลังจากนั้นจะนำเข้ามาไทยแล้วดำเนินการจับกุมรถทำเป็นคดีส่งต่อกรมศุลกากรเพื่อขายทอดตลาดโดยวิธีประมูล ซึ่งผู้กำกับโจ้จะได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินรางวัลนำจับ และ ค่าสายข่าว ประมาณ 45% ของราคาประมูลได้
จากราคาที่นำรถจำนวน 363 คัน ( อีก 5 คัน ยังไม่สามารถขายออกไปได้) ไปประมูลทางพิธีการศุลกากร เบื้องต้นทราบว่า น่าจะได้เงินประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งเงินส่วนแบ่ง หรือรางวัลนำจับ ก็จะอยู่ที่ประมาณราวๆ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่า อาจจะมีการนำไปแบ่งกับชุดที่มีการจับกุม หากเป็นไปตามที่ศุลกากรมีข้อมูล เท่ากับว่า ในช่วงเวลาที่ผู้กำกับโจ้ จับกุมรถ ที่ตัวเองลงทุนเอง นำเข้ามาจากมาเลเซีย และ ส่งประมูล ผกก.โจ้จะได้เงินส่วนแบ่ง หรือ รางวัลนำจับ เบื้องต้นเชื่อว่าอาจะมีมากถึง 450 ล้านบาท
นอกเหนือจากนี้ทาง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้แถลงผลตรวจสอบพบรถยนต์ลัมโบร์กีนีของ ผกก.โจ้ เป็น 1 ในรถหรูที่ถูกดำเนินคดีเลี่ยงภาษี ทำให้รัฐเสียหายราคาขาด 9,512,525.61 บาท อากรขาด 7,610,020.00 บาท ภาษีสรรพสามิตขาด 19,025,050.27 บาท ภาษีเพื่อมหาดไทยขาด 1,902,505.33 บาท และvatขาด 2,663,507.48 บาท ภาษีอากรรวมขาด 31,201,083.08 บาท (31ล้านบาท)
ขอบคุณ
คุยทุกเรื่องกับสนธิ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews