นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข้อห่วงใยและกระแสเรียกร้องการปฏิรูปตำรวจจากภาคประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปองค์กรตำรวจ
โดยยึดหลักสาระสำคัญตามที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในหมวดปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ซึ่งขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ... อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการร่วมของรัฐสภาแล้ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมที่เข้มแข็ง คือเสาหลักในการบริหารประเทศ และได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สตช. ให้ดำเนินการปฏิรูปในระยะเร่งด่วน 7 ด้านคือ
1.ด้านโครงสร้างของตำแหน่งข้าราชการตำรวจ
2.ด้านพัฒนาทรัพยากรบุคคล
3.ด้านระบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย
4.ด้านการนำระบบเทคโนโลยีมาสนับสนุนการรักษาความปลอดภัย
5.ด้านส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
6.ด้านการตรวจสอบและกำกับการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส และ 7.ด้านสวัสดิการตำรวจ
สำหรับการปฏิรูปโดยแก้ไขกฎหมายนั้น มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เสนอ แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
ต่อมามีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 203/2562 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. และร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ....
โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นเลขานุการ ซึ่งได้ยกร่างกฎหมายจำนวน 2 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ....
จากนั้นมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. …. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว และให้เสนอรัฐสภา
จากนั้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 ได้พิจารณาและลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยได้ประชุมมาแล้วถึง 11 ครั้ง
"ท่านนายกรัฐมนตรีเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจ ด้วยการยกร่าง พ.ร.บ. ตำรวจ ที่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยรัฐสภา รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อให้เกิดขึ้นจริง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
ขอให้ความมั่นใจว่า ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายทุกฉบับที่มีอยู่ด้วยความสุจริต โปร่งใส และหากเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายเป็นผู้กระทำความผิดเองนั้น ต้องได้รับโทษขั้นสูงสุดด้วย ซึ่งกรณีของ ผกก.โจ้ รวมทั้งคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เช่นกันเมื่อมีการกระทำผิดต้องรับโทษขั้นสูงสุด" โฆษกรัฐบาล กล่าว
ร่างกฎหมายตำรวจไม่คืบ สภาฯถกได้แค่ 14 มาตราจาก 100 กว่ามาตรา
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ กล่าวย้ำถึงสาเหตุที่พิจารณากฎหมายนี้ล่าช้า เนื่องจากอยู่ในช่วงโควิด-19 สภาใหญ่ปิดต้องปิดการประชุม กรรมาธิการก็ต้องงดประชุมไปด้วย
ขณะเดียวกัน ก็ติดการพิจารณากฎหมายสำคัญหลายฉบับทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และสัปดาห์หน้าก็จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
จากนั้นก็จะต่อด้วยการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม แต่ก็คาดการณ์ว่าในช่วงปิดสมัยประชุมสภาจะมีการพิจารณาได้สัปดาห์ละหลายวันและพยายามจะเร่งให้เร็วที่สุดแต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด เนื่องจากสังคมจับตา และคาดหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นส่วนในการปฏิรูปสถาบันตำรวจ
อย่างไรก็ตามหลังรัฐประหาร ร่างกฎหมายนี้ผ่านการพิจารณามาหลายคณะแล้ว ทั้งพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ พิจารณาคณะละสองปี
และเมื่อมาถึงสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มอบให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีและสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกันร่างเสนอต่อสภา ดังนั้นเวลาการพิจารณาต้องมีการหยิบยกร่างของพลเอกบุญสร้าง ร่างของนายมีชัยและร่างปัจจุบันที่ครม. เสนอมาพิจารณาประกอบกันไป
ซึ่งหลายมาตรายังคงสามารถใช้ของเดิมได้ แต่ในส่วนที่มีการแก้ไขเช่น การครองยศ ตำแหน่งเป็นอีกเรื่องที่จะต้องใช้เวลาพิจารณากันนาน นอกจากนั้นก็เป็นไปตามร่างที่รัฐบาลเสนอมา
ทั้งนี้กรรมาธิการได้พิจารณาไปแล้วเพียง 14 มาตราจากทั้งหมด 172 มาตรา และปัญหาที่การพิจารณาล่าช้าส่วนหนึ่ง คือข้อถกเถียงในประเด็นโครงสร้างและจะทำอย่างไรให้ตำรวจเป็นของประชาชนมากที่สุด