เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 64 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก สำนักข่าวด้านธุรกิจและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้จัดอันดับประเทศที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีและแย่ที่สุดประจำเดือนสิงหาคม จำนวน 53 ประเทศ/เขตพื้นที่ โดย 5 อันดับของประเทศที่ฟื้นตัวได้ดีที่สุดคือ นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ และออสเตรีย
ส่วนประเทศไทยร่วงลงมา 8 อันดับมาอยู่ที่อันดับ 49 จากทั้งหมด 53 ประเทศ และอยู่ใน 5 ประเทศท้ายตาราง เนื่องจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง และบังคับใช้มาตรการสกัดโควิด-19 ครอบคลุมประชากรราว 40% ทั้งยังมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำครอบคลุมประชากรเพียง 19.8% และปริมาณการเดินทางด้วยเครื่องบินในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งค่อนข้างน้อย
ส่วนอีก 4 อันดับที่เหลือ (อันดับที่ 50-53) เป็นเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันหมด ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยมีเพียงอินโดนีเซียชาติเดียวที่อันดับดีขึ้นจากที่เคยอยู่ท้ายสุดของตาราง
ทั้งนี้ บลูมเบิร์ก ได้มีการระบุว่า ประเทศในภูมิภาคนี้นอกจากเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ชนิดกลายพันธุ์แบบเดลตา ที่ระบาดได้รวดเร็วกว่าชนิดอื่นแล้ว การฉีดวัคซีนให้ประชาชนยังล่าช้า อีกทั้งยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คนที่สูงมากด้วย นอกจากนี้ บลูมเบิร์ก ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ประเทศที่รับมือได้ดีในขณะนี้ล้วนเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วหรือมีฐานะดี เพราะสามารถกระจายวัคซีนแก่ประชาชนได้ทั่วถึง ขณะประเทศที่มีฐานะรองลงมาหรือยากจนก็จะมีความสามารถในการแก้ปัญหานี้ได้ต่ำลงไปด้วย
สำหรับการจัดอันดับของบลูมเบิร์ก จะมีการอัปเดตทุกเดือน โดยพิจารณาให้คะแนนจากหลายๆปัจจัย อาทิ สัดส่วนผู้ติดเชื้อต่อจำนวนประชากร ผู้เสียชีวิต จำนวนผู้ได้รับวัคซีน ความเข้มงวดของการล็อกดาวน์ จำนวนเที่ยวบินที่หายไป การเปิดเส้นทางท่องเที่ยว เป็นต้น โดยประเทศไทยมีคะแนนรวมอยู่ที่ 47.7 เท่านั้น
ขอบคุณ : bloomberg