จากกรณี พลตำรวจตรีปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึง รถยนต์ PORSCHE ของนายแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ รายหนึ่ง พุ่งชนท้ายรถเก๋ง ที่ใต้สถานีบีทีเอสบางหว้า ถนนราชพฤกษ์ขาออกมุ่งหน้าตลิ่งชัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต ในจุดเกิดเหตุ 2 ราย และบาดเจ็บ สาหัส 1 รายว่าแม้ว่าผู้ที่ขับรถชนในกรณีนี้จะเป็นแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ทางตำรวจนครบาล ก็ยืนยันว่าจะดำเนินการตามหลักฐานและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ขอให้ทางครอบครัวผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตสบายใจ
ด้านญาติของนางสาวพรยมล แซ่ลิ่ม วัย 29 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่าตอนนี้ครอบครัวอยากรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะด้วยสภาพรถยนต์ซิตี้ที่ยับเยินมาก เหตุการณ์เป็นยังไง ชนยังไง ทำไมคู่กรณีไม่หักหลบ และหากเกิดขึ้นจากความประมาทก็ต้องการให้รับผิดชอบถึงที่สุดพี่สาวผู้เสียชีวิตยังบอกด้วยว่า 2 เรื่องที่ครอบครัวติดใจ คือ เรื่องความเร็วรถว่าขับมาเร็วเท่าไหร่ และเรื่องการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เพราะหลังเกิดเหตุ จส.100 รายงานว่า รองสว.จร.สน.ภาษีเจริญ เปิดเผยผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ปริมาณ 80 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ แต่ต่อมา สว.(สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ ระบุว่า ได้นำตัวคู่กรณีมาตรวจวัดแอลกอฮอล์พบปริมาณ 44 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ไม่ถือว่าเมาแล้วขับ จึงสงสัยว่าตัวเลขนี้เป็นการตรวจวัดที่ สน. ภายหลัง ไม่ใช่ตรวจวัดจากที่เกิดเหตุหรือไม่ อย่างไร
โดยในวันนี้ ร.ต.ท.ภาณุรักษ์ รัตนไพศร นายแพทย์ (สบ.1) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ขับขี่รถปอร์เช่ ได้เดินทางมาขอขมาผู้เสียชีวิต และขอโทษกับครอบครัว ที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่ง ร.ต.ท.ภาณุรักษ์อยู่ในอาการเศร้าเสียใจ ร้องไห้ตลอดเวลา และได้ก้มกราบร่างผู้เสียชีวิต และกราบเท้าขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย พร้อมบอกว่ายินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง และดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตตลอดไป
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews