เรียกว่ายังอยู่ในความสนใจและถูกจับตามองสำหรับความคืบหน้าในคดีของ อดีตผู้กำกับโจ้ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งคำให้การของ “อดีตผู้กำกับโจ้” ทั้งที่บอกกับสื่อ และไปปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน จะทำให้ “อดีตผู้กำกับโจ้” โดนโทษสถานเบาหรือไม่?
ซึ่งในเวลาต่อมานั้น “อดีตผู้กำกับโจ้” พยายามบอกว่าเป็นการพลั้งมือ ทำให้ผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะเจตนาเพียงขู่ หรือทำร้าย ไม่ได้เจตนาทำให้ตาย หากศาลเชื้อตามนี้ “อดีตผู้กำกับโจ้” จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 คือไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายจนเสียชีวิต ระวางโทษจำคุก 3 ปี ถึง 15 ปี ซึ่งต้องบอกว่าแตกต่างข้อหาเจตนาฆ่าอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวออกมาอีกว่า ตำรวจภูธรภาค 6 เผยข้อมูลว่า ผู้กำกับโจ้ มีประวัติ เคยรักษาโรคไบโพลาร์ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มาสักระยะหนึ่งแล้ว และต้องกินยาอยู่เรื่อย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะนำประเด็นนี้มาต่อสู้ในชั้นศาล
สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าวนั้น ในวันนี้ (3 ก.ย.2564) นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ เปิดเผยภายหลัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" ถูกย้ายตัวมาคุมขังที่เรือนจำคลองพิเศษกรุงเทพฯ ว่า วันนี้คงไม่ได้เข้าไปเยี่ยม หรือปรึกษาคดีกับ "ผู้กำกับโจ้" แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ได้เข้าไปเยี่ยมที่เรือนจำกลางจังหวัดพิษณุโลก
ซึ่งผู้กำกับโจ้มีสภาพร่างกาย และจิตใจปกติดี อาจซูบผอมลงบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนมีความทุกข์ใจอยู่ อาจจะรับประทานอาหารได้น้อย
ผู้กำกับโจ้ ยืนยันว่า ไม่เคยป่วย หรือ เข้ารับการรักษาโรคไบโพลาร์แต่อย่างใด ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดแห่งหนึ่งของผู้กำกับโจ้เช่าไว้ พบยาประเภทคลายเครียดนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนอาจจะมีความเครียดบ้าง แล้วกินยาเพื่อผ่อนคลายให้นอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่ ไม่ต้องรู้สึกกังวลอะไร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews