ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่สามารถหารายได้ได้ จนต้องจอดรถทิ้งไว้ สุดท้ายนำมาปลูกผัก
วันที่ 15 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานรถแท็กซี่กว่า 300 คัน ซึ่งเป็นรถที่ยังไม่หมดอายุ ถูกจอดทิ้งไว้ในลานจอดอู่สหกรณ์แท็กซี่แห่งหนึ่งในกรุงเทพ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบาดมานานกว่า 2 ปี และมาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งการแพร่ระบาดทำให้ไม่มีผู้โดยสาร หารายได้ไม่พอค่าเช่าค่างวดรถแท็กซี่
โดย นายฐาปกรณ์ อัศวเลิศกุล อายุ 54 ปี ที่ปรึกษาสหกรณ์บวรและราชพฤกษ์แท็กซี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางสหกรณ์และกลุ่มผู้ประกอบการและเจ้าของรถแท็กซี่ มีการร้องขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งการนำรถไปจอดไว้ยังกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และกระจายไปจอดยังตลาดไท โรงงานยาสูบ สถานีกลางบางซื่อ มาเป็นเวลานานแล้วแต่ ยังไม่มีที่ไหนตอบรับการเยียวยา ทั้งดอกเบี้ยและค่าแก๊ซ
เพราะสถานการณ์โควิด-19 คนขับรถแท็กซี่ไม่สามารถหารายได้ได้ หรือบางคนรายได้ก็ไม่พอกับรายจ่าย จึงต่างพากันทยอยคืนรถแท็กซี่เรื่อย ๆ จนต้องกระจายไปจอดตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพ รวมแล้วกว่า 2,000 คัน จากแท็กซี่ของสหกรณ์ทั้งหมดที่มีกว่า 3,000 คัน หมายความว่ารถแท็กซี่ของสหกรณ์ที่ขับอยู่บนท้องถนนวันนี้เหลือรถแท็กซี่ไม่ถึง 1,000 คัน ทั้งยังเป็นหนี้กับบริษัทไฟแนนซ์รถยนต์อีกกว่า 3,000 สัญญาทั้งนี้ พนักงานสหกรณ์แท๊กซี่ จึงได้นำไอเดียให้พนักงานทำการปลูกผักสวนครัว อาทิ พริก กระเพรา มะเขือ ต้นหอม ฯลฯ นำมาปลูกบนหลังคารถแท็กซี่ โดยนำไม้ไผ่มาทำเป็นฐานและใช้พลาสติกปูพื้นหลังคาใส่ดินและปลูกผัก โดยวนเวียนกันมารดน้ำทุกวันเช้าเย็น
เพื่อหวังว่าหากมันเติบโต ให้พนักงานคนขับแท็กซี่ นำมาปรุงอาหารโดยไม่ต้องซื้อ และยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารถแท๊กซี่ราคาเป็นล้านบาท หารายได้ไม่ได้ก็ต้องนำมาปลูกผักแทน โดยจะทยอยทำการปลูกไปจนครบแท็กซี่ทุกคันที่จอดอยู่เพื่อให้ได้ปริมาณของผักในแต่ละวันที่เพียงพอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews