นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มีบุตรอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ และอยู่ระหว่างได้รับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร จำนวน 800 บาท/เดือน จากสำนักงานประกันสังคมและได้ออกจากการงาน ต่อมาได้กลับเข้าทำงานใหม่หรือเปลี่ยนสถานะจากผู้ประกันตน มาตรา 33 เป็นผู้ประกันตน มาตรา 39 ทำให้ในช่วงของเดือนถัดไปจะไม่ได้รับเงินสงเคราะห์บุตร สำนักงานประกันสังคม ขอแจ้งให้ผู้ประกันตนรีบดำเนินการยื่นเรื่องแจ้งการ เปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือสถานะของผู้ประกันตนเพื่อการรับเงินสงเคราะห์บุตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอใช้ "สิทธิบุตรคนเดิม" กับสำนักงานประกันสังคม
โดยผู้ประกันตนสามารถดาวน์โหลดหนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน ได้ที่ ww.sso.go.th ของสำนักงานประกันสังคม พร้อมนำ บัตรประชาชนหรือบัตรอื่นที่มีรูปถ่าย ซึ่งทางราชการออกให้พร้อมสำเนา กรอกข้อมูลให้ครบ พร้อมทั้งเซ็นเอกสาร และหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่จะใช้รับเงินสงเคราะห์บุตร ณ ปัจจุบัน พร้อมสำเนา (ในกรณีต้องการเปลี่ยนธนาคาร) ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมเพิ่มช่องทางการให้บริการจ่ายเงินประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรผ่านบริการพร้อมเพย์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงบริการรับเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีความโปร่งใส ลดความผิดพลาด ลดการใช้เงินสดและเช็ค โดยผู้ประกันตนม่ต้องยื่นสำเนาหน้าบัญชีเงินฝากธนาคารกับสำนักงานประกันสังคมในการขอรับประโยชน์ทดแทนดังกล่าว เป็นการลดการใช้กระดาษ (Paperless) ตามนโยบายของรัฐบาล
ผู้ประกันตนดำเนินการลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารที่ผู้ประกันตนเปิดบัญชีไว้ผู้ประกันตนที่ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร หากยังไม่มีการลงทะเบียนพร้อมเพย์กับธนาคารที่ท่านเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารไว้ ขอให้ดำเนินการลงทะเบียนพร้อมเพย์กับธนาคารที่ท่านเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารไว้ก่อนการยื่นเรื่องขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร หากเป็นผู้ประกันตนที่ยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรไว้แล้ว ขอให้แจ้งเปลี่ยนแปลงการขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรจากการรับเงินโอนผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารเป็นผ่านบริการพร้อมเพย์ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews