จากกรณีการหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้กับ น้องก้อง อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จนทำให้น้องเครียดและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
วันที่ 24ก.ย.64 พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงผลการจับกุม นางสาวนฤมล ชำนาญ อายุ 18 ปี และนางสาวสายน้ำผึ้ง ชนะมาร อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้กับ น้องก้อง อายุ 14 ปี
โดยผู้ต้องหาทั้งสองเกี่ยวข้องโดยการเป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองอ้างว่า รับจ้างเปิดบัญชีให้กับคนตัวการสำคัญคือ นางสาวพิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ซึ่งในช่วงเช้าศาลอนุมัติก็ได้ออกหมายจับแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าค้น ที่พักและสถานที่ที่เกี่ยวข้องแล้วแต่ขณะนี้ยังไม่พบตัว
สำหรับตัวนางสาวพิยดา จะเปิดร้านค้าออนไลน์ผ่านทางอินสตาแกรมชื่อ phonebymint มีผู้ติดตาม 60,000 คน ซึ่งน้องก้องได้ติดต่อซื้อโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 7 ขนาด 32 กิกะไบต์ ในราคา 5,000 บาทเพื่อนำไปใช้เรียนออนไลน์ เมื่อตัดสินใจซื้อจึงโอนเงินไป แต่ผู้ต้องหากลับไม่ส่งของให้ ทำให้น้องก้องเกิดความเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิตในเวลาต่อมา
พลตำรวจโทกรไชย ระบุว่า หลังจากเกิดเรื่องทางตำรวจก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และผิด พ.ร.บคอมพิวเตอร์ นำข้อมูลบิดเบือนหรือปลอม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน จึงสืบสวนติดตามจนไปจับผู้ต้องหาได้ที่เคหะบางบอน กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปทุมธานี ซึ่งจากการสืบสวนขยายผลทราบว่านางสาวพิยดาเป็นตัวการสำคัญในการก่อเหตุ
และในช่วงเช้าวันที่24ก.ย. เจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจสอบบ้านพักของแฟนหนุ่มย่านราชพฤกษ์ อำเภอเมืองนนทบุรี พร้อมกับตรวจยึดแท็บเลต , คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ , ตู้เซฟนิรภัย , กระเป๋าแบรนด์เนม , ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ และรถยนต์ BMW จำนวน 2 คัน ไว้ตรวจสอบ หลังพบว่าทีการใช้ไอพีอินเตอร์เน็ตของบ้านหลังดังกล่าวในการเจรจาหลอกลวงเหยื่อ
-2 หมุ่มผ่านมาเห็นคุณลุงจมน้ำ ตัดสนใจกลับมาช่วย ทำ CPR จนได้สติ
-เมียจับได้ ผัวมีชู้ ตัดสินใจฟ้องหย่า ก่อนจากฝากเรียนราคาแพง!
-ปิด รพ.สนามบุษราคัม 30 ก.ย. นี้ หลังดูแลผู้ป่วยโควิดมากว่า 2 หมื่นคน
โดยนางสาวพิยดามีพฤติกรรมชอบใช้ของแบรนด์เนมใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาก็มาจากการฉ้อโกงผู้อื่น นอกจากนี้ยังพบว่านางสาวพิยดาเคยต้องคดีความผิดในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ สภ.คลองหลวง มีหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อีกทั้งพนักงานสอบสวนจะมีบันทึกไปยังเลขาธิการ ปปง. ให้พิจารณาตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อติดตามยึดทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหารายนี้ต่อไป
ด้านนางสาว จันท์ปปภา ตะคามจันทร ผู้เสียหายที่ถูกหลอกจับผู้ต้องหารายนี้ ที่เดินทางมาเพื่อสังเกตุการณ์การแถลงข่าวหลังทราบเรื่อง ได้ระบุว่า ตนกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยหนึ่ง ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการเรียนออนไลน์ในช่วงนี้ จึงหาข้อมูลและไปพบร้านของผู้ต้องหาในอินสตาแกรม ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมากดูน่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจติดต่อซื้อไอโฟน 11 ในราคา 11,000 บาท หลังจากโอนเงินไปก็ไม่ได้ของ และติดต่อไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความ เมื่อรู้ว่าตำรวจสามารถจับผู้ร่วมขบวนการได้ก็รู้สึกดีใจและหวังว่าจะได้เงินคืน เพื่อนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือใช้ในการศึกษาต่อไป
พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังระบุอีกว่า ตอนนี้ ตร.ไซเบอร์ อยู่ระหว่างการเร่งประสานหน่วยงานที่ควบคุมเรื่องการเปิดบัญชีเพื่อ ให้เข้าควบคุมหรือจัดระเบียบในการนำบัญชีไปใช้ในเชิงค้าขาย เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบได้และง่ายต่อการดำเนินการตรวจสอบหากเกิดปัญหา ซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนเร็วๆนี้
ในระหว่างนี้ ก็อยากฝากพี่น้องประชาชนที่ซื้อของออนไลน์ ให้ระมัดระวัง และให้สังเกตุว่า สินค้าที่มีราคาถูกเกินจริง ก็อาจเข้าข่ายการหลอกลวงได้ ขอให้ตรวจสอบให้ดี หรือเป็นไปได้เดินทางไปรับสินค้า หรือไม่ซื้อที่มีหน้าร้านเลยจะเป็นการที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews