กรณีคันดินกั้น อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ถูกมวลน้ำซัดพังทลายเป็นความกว้างประมาณ 10 เมตร เนื่องจากปริมาณน้ำภายในอ่างมีมากจนเกินความจุ ก่อนที่คันดินจะพังทลาย เขื่อนลำเชียงไกร (ตอนล่าง) มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 151% จากความจุอ่างทั้งหมดที่ 27.7 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร เป็นอ่างเก็บน้ำที่รับน้ำมาจากพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งคาดว่ามวลน้ำมหาศาลคงไหลมาแม่น้ำเจ้าพระยาแน่ๆ และจะท่วมกรุงเทพเหมือนปี 2554 หรือไม่
ทางด้าน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง แสดงความคิดเห็นในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า มันจะไม่เป็นอย่างปี 2554 แน่นอน พร้อมให้รายละเอียดเหตุผล ไว้ดังนี้
1. เขื่อนหลักอย่างเขื่อนภูมิพลกับเขื่อนสิริกิติ์น้ำน้อย ประมาณ 50% ไม่เหมือนปี 2554 เว้นแต่จะมีพายุเข้ามาอีก 2 ลูก
2. ตอนปี 2554 จะมีน้ำท่วมจากตอนบนของประเทศ ไหลลงมาเรื่อย ๆ กระทั่งมาถึง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่กั้นน้ำเอาไว้ ตอนนั้นมีน้ำอยู่ในระดับมากกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ในปีนี้ระดับน้ำยังไม่สูงถึงขนาดนั้น ส่วนเขื่อนอื่น ๆ ในประเทศไทย ก็ยังมีระดับน้ำที่ไม่สูงเท่าปี 2554
- เช็คด่วน 12 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เตรียมตัวรับมือ มวลน้ำหลาก
- คนโคราช จวกยับ หลัง ชลประทานแจงล่าสุด "อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร"
นอกจากนี้ ตอนปี 2554 ยังเป็นเรื่องน้ำหลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือ น้ำไม่ได้มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียว แต่มาจากทุ่งด้วย ไหลจากทุ่งเข้าท่วมถนน เป็นคนละแบบกับปี 2564
ทั้งนี้ สามารถสรุปได้ว่า ถ้าแบ่งเป็นพื้นที่ตรง จ.นครราชสีมา, จ.ชัยภูมิ อันนี้หนักกว่าปี 2554 ถ้าแต่ยึดตรงพื้นที่ภาคกลาง จะเบากว่าปี 2554 ฉะนั้นไม่ต้องตระหนกตกใจ แต่ถึงอย่างไรก็ประมาทไม่ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews