จากกรณีคันดินกั้นอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ถูกมวลน้ำซัดพังทลายเป็นความกว้างประมาณ 10 เมตร เนื่องจากปริมาณน้ำภายในอ่างมีมากจนเกินความจุ ก่อนที่คันดินจะพังทลาย อ่างเก็บน้ำ เขื่อนลำเชียงไกร (ตอนล่าง) มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 151% จากความจุอ่างทั้งหมดที่ 27.7 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) เป็นอ่างเก็บน้ำที่รับน้ำมาจากพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
ซึ่งทางชลประทานจังหวัดนครราชสีมา ได้แจ้งว่าเนื่องปริมาณน้ำจากพื้นที่อำเภอด่านขุนทดได้ไหลลงมายังอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) มีปริมาณมากจนเกินกว่าที่อ่างจะรับไหว ทำให้มวลน้ำได้กัดเซาะคันดินผนังกันน้ำจนพังลง ซึ่งเป็นการจงใจเพิ่มช่องระบายน้ำ ยืนยันไม่ใช่เขื่อนแตก
- กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลัก
- "รองอธิบดีกรมชลประทาน"พูดแล้ว อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร สรุปแตก-ไม่แตก
- กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า บางพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนัก
และล่าสุดทางด้านชาวบ้านในพื้นที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การระบายน้ำออกในแบบที่ไม่สามารถควบคุมการหยุดระบายได้ รวมถึงการที่พนังกั้นน้ำได้พังขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆเช่นนี้ ชาวบ้านเรียกกันว่าอ่างแตก ซึ่งถ้าหากอยู่ในแผนการระบายน้ำก็น่าจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ท้ายอ่างเก็บน้ำให้เตรียมความพร้อมแล้วให้เริ่มอพยพไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยดำเนินการระบายน้ำ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews