เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ประกาศ เตรียมลุ้นเป็นว่าที่คุณแม่

27 กันยายน 2564

ได้ประกาศแจ้งข่าวกลางรายการ คุยแซ่บ Show สำหรับสาว เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ว่าตัวเองตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มาเตรียมลุ้นข่าวดีแล้ว

เรียกได้ว่าเป็นนักร้องที่มากความสามารถคนหนึ่งเลยสำหรับสาว "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" แต่ไม่ว่าเจ้าตัวจะขยับตัวทำอะไรก็ดูเหมือนจะมีประเด็นดราม่าตลอดล่าสุดได้ออกมาเคลียร์ทุกประเด็นดราม่าและไม่ลืมที่จะควงแฟนหนุ่ม “ยิว ฉัตรมงคล” เคลียร์ดราม่า “ท้อง-เทียบลิซ่า-ศัลยกรรม-ฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด” เปิดเส้นทางรัก ใกล้จะมีข่าวดีหรือยัง? อีกด้วย

เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ประกาศ เตรียมลุ้นเป็นว่าที่คุณแม่

 

 ทางด้านเจนนี่ ได้ควงคู่แฟนหนุ่ม ยิว ฉัตรมงคล มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ ในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี หนิง ปณิตา, บูม สุภาพร และ อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกร นั่นเอง

ซึ่งช่วงหนึ่งของรายการทางด้าน เจนนี่ ก็ออกมาพูดถึงประเด็นเรื่องรูปร่าง ที่ถูกชาวเน็ตทัก ก่อนจะเปิดเผยเรื่องที่ไม่เคยบอกที่ไหนมาก่อนว่า "ก่อนหน้านี้ที่มีคนทักบอกว่าท้องหรือเปล่าๆ  บอกทุกคนตลอดว่าอ้วนๆ อย่างนั้นอย่างนี้ เดือนนี้เอาตรงๆ นะคะ เจนนี่ ประจำเดือนยังไม่มา แต่เรายังไม่ตรวจอะไรนะ


-แม่เกตุ สุดทน ฝากไว้ให้คิดถึงคนที่เข้ามาด่าลูกสาว "เจนนี่" แบบเสียๆหายๆ
-"เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" ลงรูปลุคสวยแซ่บคล้าย "ลิซ่า BLACKPINK"
-เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ไม่ไว้หน้าคนถาม เหน็บ ยิว แฟนตำรวจ ไม่ไปทำงานบ้างหรอ

 

เราก็ไปบอกแม่ แม่ก็บอกว่างั้นก็ถ่ายรายการอะไรให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถ้าสมมติว่าใช่ก็จัดงานแต่งงานเลย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ทำงานกันต่อ พอใครมาถามว่าท้องไหมๆ ก็คือเราก็ไม่กล้าตอบ แต่ เจนนี่ ประจำเดือนยังไม่มา ต้องรอผลชัดเจน ถ้าท้องก็คือบอกแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจยังไม่รู้เลย" งานนี้เหล่าแฟนคลับก็มารอลุ้นข่าวดีว่าสาวเจนนี่นั้น จะใช่ว่าที่คุณแม่คนต่อไปหรือไม่? 

ด้าน  “ยิว ฉัตรมงคล” พร้อมมีครอบครัว ไม่กลัวเสียโอกาสในการทำงาน และทั้งคู่วางแผนอนาคตกันไว้หมดแล้วทั้งของตัวเองและหน้าที่การงานของแฟนหนุ่มให้ลงตัวมากที่สุด ตั้งใจจะแต่งงานกันปีหน้า แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นก่อนค่อยว่ากันอีกที มองเรื่องมีลูกก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมชาติบอกตอนนี้โลกเปิดกว้างถึงท้องก็สามารถทำงานได้แค่ระวังไม่ให้เกิดอันตรายต่อครอบครัวก็พอ"

เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ประกาศ เตรียมลุ้นเป็นว่าที่คุณแม่


 ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews