จากกรณี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำใน"เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ " ที่อาคารควบคุมและการประมวล เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยมีรองผวจ.สระบุรี ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ รายงานสถานการณ์น้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
นายนิพนธ์ กล่าวว่า เขื่อนป่าสักฯ ยังสามารถควบคุมการระบายน้ำได้ ถึงแม้ว่าน้ำในเขื่อนขณะนี้จะอยู่เกินปริมาณที่เก็บกักได้ที่ 105 % ก็ตาม ซึ่งปริมาณกักเก็บสูงสุดของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่วันนี้เขื่อนมีน้ำอยู่ที่ 1,114 ลูกบาศก์เมตร และเขื่อนมีการระบายน้ำวินาทีละ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังมีน้ำเหนือ ไหลลงเขื่อนใกล้เคียงกับน้ำที่ระบายออก ซึ่งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ต้องเปิดประตูระบายน้ำ 5 บาน
โดยได้มีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนท้ายเขื่อนแล้ว พร้อมทั้งได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด คือ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี และจ.นนทบุรี ให้เฝ้าระวังสถานการณ์เตรียมรับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อีกด้วย สิ่งที่กังวลคือต้องติดตามจนถึงวันที่ 3 ต.ค. ว่าจะมีพายุก่อตัวหรือไม่ จากนั้นก็ต้องเฝ้าระวังวันที่ 7-10 ต.ค. อีกครั้งซึ่งเป็นช่วงที่น้ำเหนือลงมาประกอบกับน้ำทะเลหนุน แต่ยืนยันว่าน้ำเขื่อนป่าสักฯ ยังควบคุมสถานการณ์ได้ และปริมาณน้ำก็ยังน้อยกว่าตอนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ด้วย
จากนั้น รมช.มหาดไทย และคณะ เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนพระราม 6 อำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งขณะนี้การระบายน้ำลงท้ายเขื่อน 735 ลบ./วินาที และได้เปลี่ยนธงเป็นสีแดงเป็นสัญญาณ แจ้งว่าระดับน้ำวิกฤตแล้วแจ้งเตือนประชาชน ริมแม่น้ำป่าสัก ท้ายเขื่อนพระราม 6 ลงผ่านอำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง และอำเภอพระนครศรีอยุธยา ได้เฝ้าระวังทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดริมแม่น้ำป่าสัก ต้องเร่งเก็บของขึ้นที่สูงเพราะระดับน้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว
- คนละครึ่ง เฟส 3 รอบ 2 เงินเข้าวันนี้ สิทธิยังเหลือ สมัครรับเงินรวดเดียว
- หมอช้าง เผย 3 ราศี ดวงดีขึ้นหลังจากดาวพฤหัสย้าย
- ศาลปกครองกลางชี้ คำสั่งปลด พล.ต.อ.วิระชัย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ตนได้กำชับให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกประกาศเตือนภัยแล้วและให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำและพื้นที่ลุ่มต่ำ เตรียมแผนให้พร้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้ล่วงหน้า
รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร สร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที ช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง จนกว่าน้ำจะลดแล้วเข้าสู่การเยียวยาและฟื้นฟูต่อไป ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำเรื่องการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อเปิดทางน้ำให้มีการระบายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งต้องมีการวางแผนกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง เพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อการทำเกษตร
พร้อมกันนี้ รมช.มหาดไทย และคณะ ได้ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ และเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวประชาชน ผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน ในพื้นที่ จ.สระบุรี ที่ ต.แสลงพัน อ.วังม่วง พื้นที่ จ.อยุธยา ที่ ต.บ้านแพน อ.เสนา และพื้นที่ จ.ปทุมธานี ที่ ต.บ้านกระแซง อ.เมืองปทุมธานี เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประสบภัยด้วย โดยได้สั่งการให้ทางนายอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าช่วยอพยพเคลื่อนย้ายประชาชนไปที่ปลอดภัยในกรณีที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น พร้อมกำชับให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews