หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ "ต้อย เศรษฐา" โดยเจ้าตัวนั้นป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 มาร่วม 3 ปีแล้ว ล่าสุดลูกสาว "อีฟ พุทธธิดา" ได้ออกมาอัพเดทอาการของคุณพ่อหลังพาส่งโรงพยาบาลอีกรอบ หลังต้องกลับมาเริ่มให้คีโมใหม่ หลังจากหยุดคีโมไปแล้ว 3เดือน จนทำให้มีอาการเเพ้อย่างหนัก
คนแก่ป่วย1 คุณพ่อต้องกลับมาเริ่มให้คีโมใหม่เนื่องจาก หลังจากหยุดคีโมไปแล้ว 3 เดือน ก้อนที่ปอดที่เคยมีขนาด 8 ซม. ตอนเริ่มต้นรักษา ลดลงเหลือประมาณ 4 ซม. ซึ่งก็คือลดไปแล้วครึ่งนึง และยังไม่ได้มีการเติบโตขึ้นก็จริง แต่เนื่องจากคุณพ่อเป็นระยะที่ 4 มันมีการกระจายไปที่อื่นด้วย หนึ่งในจุดที่คุณหมอพบว่าต้องให้ความสนใจและเฝ้าระวังคือตรงต่อมหมวกไต เนื่องจากหลังหยุดไป 3 เดือนและตรวจรอบนี้พบว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงไม่พรวดพราด แต่หมดก็ไม่วางใจค่ะ จึงต้องกลับมาให้คีโมใหม่ เปลี่ยนตัวยา และเพิ่มการให้ยาแบบมุ่งเป้า
ซึ่งหลังจากให้คีโมในวันที่ 2 ที่ผ่านมา คุณพ่อกลับมาพักที่บ้าน และในวันที่ 4เริ่มอาเจียนและทานอาหารไม่ค่อยได้ ซึ่งก็คือผลข้างเคียงจากคีโมนั่นเอง คุณพ่อทานอาหารไม่ลงคลื่นไส้ทานแล้วอาเจียนมาก อี๊ฟกลัวหลายวันติดกันเกินจะขาดน้ำและร่างกายจะอ่อนเพลียจัด จึงตัดสินใจให้คุณพ่อเข้าพักให้น้ำเกลือที่รพ. เมื่อวานนี้ช่วงค่ำ และปรากฎว่าเช้านี้คุณพ่อท้องเสีย
ซึ่งคุณหมอแจ้งไว้แล้วว่าจะมีอาการท้องเสียซึ่งเป็นผลข้างเคียงของคีโมอีกเช่นกัน ทำให้คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วที่ให้ไปให้น้ำเกลือไว้ก่อนไม่งั้นจะเพลียมากและขาดน้ำมากกว่านี้ ตอนนี้คุณพ่ออยู่ในความดูแลของคุณหมอ พอทานข้าวได้บ้างแต่ยังเพลียมากค่ะคงใช้เวลาอีก 3-4วัน โดยที่ตอนนี้อี๊ฟไม่ได้เฝ้าคุณพ่อเองเป็นเลขาไปเฝ้า ได้แค่ไปส่งและจัดการเรื่องที่รพ. จนถึงเที่ยงคืนเมื่อคืน เนื่องจากอะไรไปดูในโพสต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งให้คุณพ่อนะคะ ขอให้ทุกๆคนสุขภาพแข็งแรงๆ ไม่เจ็บไม่ไข้ค่ะ #sirachayafamily #เศรษฐาศิระฉายา #หน้าที่คุณลูก
เด็กป่วยอีก1
นี่คือสาเหตุที่ไม่ได้ไปเฝ้าพ่อค่ะ เด็กป่วยมาก่อนพ่อหลายวันเลย ตั้งแต่วันที่ 1ที่ผ่านมามีบุญมีตัวรุมๆช่วงกลางวัน และอาเจียน 1ครั้งหม่ามี้ไลน์คุยกับป้าหมอ ป้าบอกว่าให้ลองดูอาการก่อน เพราะวัดแล้วไม่มีไข้ ก็เช็ดตัวอะไรกันไป ปรากฎตอนตี3.40มีบุญตัวร้อนจัดวัดที่บ้านได้ 39.7 และมีอาการหนาวสั่นนิดๆ แม่กะป่าป๊าเลยรีบหอบหิ้วมารพ. ด้วยกลัวลูกจะชักเพราะไข้สูง พอมาถึงรพ.วัดไข้ได้ 40.2 จึงโดนจับแอดมิท ตามระเบียบ หมอต้องให้น้ำเกลือและยาลดไข้เพื่อให้ไข้ลง และเนื่องจากไข้สูงมากกก มีบุญขาดน้ำและเจาะเลือด เลือดแทบไม่ออกมาเลยพยาบาลดูดไซรินจ์ นานมากกกกกกทั้งบีบนวดแขนจิ๋วรีดเลือดกันก็ไม่ออกมา ออกมาน้อยเดียวเท่านั้นก็ส่งตรวจได้ว่าระดัดเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดยังโอเค จึงคาดว่าไม่ใช่ไข้เลือดออก ก็นอนรพ.ไป3คืนมีบุญอึออกมา 1ครั้งถ้วน!!!
ก็ส่งไปเพาะเชื้อและการเพาะเชื้อต้องรอหลายวัน แม่และคุณหมอเห็นว่าไข้เริ่มๆจะคงที่และลดลงตามลำดับจึงคิดว่าให้กลับไปดูอาการต่อที่บ้านระหว่างรอผลเพาะเชื้อ กลับมาคืนแรก มีบุญตื่นเวลาเดิมเลยเกือบตี4 มีไข้ 38.5 ก็ให้ทานยา และเช็ดตัวไปไข้ลง ตอนเช้าก็ดูปกติไม่มีไข้สูงอะไรและอึนิ่มเหลวมาล็อตใหญ่ตอนเย็น แม่ก็คิดว่าเอาละ เชื้อคงออกไปละ ปรากฎกลางคืนเวลาเดิมก็ไข้ขึ้นอีก 38 เช็ดตัวทานยาไปอีก
พอเช้าก็ดูร่าเริงดี ดีที่ลูกยังทานอาหารได้ทุกมื้อ แต่ไข้ดูเหมือนจะต้องประคองด้วยยา เพราะพอหมดฤทธิ์ยา 4-6ชม. ไข้ก็จะขึ้นทันที แล้วก็มาถึงเย็นเมื่อวานที่แม่ไปส่งคุณตา ก่อนไปจากบ้าน(ช่วง19.00) มีบุญก็ทำท่าจะมีไข้38อีกแม่ให้ทานยา และให้ป่าป๊าเอานอนเพราะต้องพาคุณตาไปรพ. ป้าหมอก็ส่งผลแล็ปมาแจ้งพอดีว่าเด็กติดเชื้อ
ผลเพาะเชื้อในอุจจาระขึ้นเชื้อแบคทีเรีย Plesiomonas ปกติหายเองได้แต่ถ้ายังไม่หายดี น่าจะให้ยาฆ่าเชื้อ แม่ก็กะว่าเช้าจะไปเอายาฆ่าเชื้อที่รพ.ให้ พอแม่กลับมาถึงบ้านเที่ยงคืนกว่าๆอาบน้ำเข้านอน เวลา3.53 มีบุญก็ไข้ขึ้นอีกแต่สูงมาก 39.5อีก แม่จึงให้ยา ibuprofen ตามที่หมอจ่ายไว้ให้ว่าถ้าไข้ถึง39ให้ทาน ibu แม่เช็ดตัวและกล่อมนอน ไข้ค่อยๆลง จึงบอกป่าป๊าว่าให้ไปหาหมอพรุ่งนี้เช้า พอเช้าแจ้งป้าหมอ จึงตัดสินใจให้กลับมานอนให้ยาที่รพ. อีกครั้งเพราะที่ไข้ขึ้นช่วงกลางคืนเพราะไม่มีน้ำเกลือคอยช่วยขับเชื้อออกด้วย เพราะช่วงกลางวันน้องดื่มน้ำได้ตลอด แต่กลางคืนพอหลับไข้ขึ้นเพราะขาดน้ำ จึงต้องกลัลมานอนรพ.อีกครั้ง นี่คือสาเหตุที่แม่ๆไม่สามารถแยกร่างได้ ได้แต่คอยเช็คกันผ่านเทคโนโลยีกัน หวังว่าทั้งลูกทั้งคุณตาจะหายโดยเร็ว ไม่งั้นแม่ๆจะได้นอนรพ.อีกคนแน่
ขอบคุณ
yvessirachaya
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews