"อีเจี๊ยบ เลียบด่วน"ประกาศกร้าวถึง แก๊งวัดม่วงหกคน และกองเชียร์

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อีเจี๊ยบ เลียบด่วน" ถึงคดี "บาสมือมีด" ระบุ

อยากจะบอกไอ้แก๊งหกคน และกองเชียร์

ว่า...

ทั้งๆที่พวกมึงถูกแทงตายไปสองแท้ๆ และบาสเองก็ไม่ใช่วัยรุ่นใสๆ พร้อมเอามีดคู่พันมือ มาดิวัยรุ่น

แต่มึงรู้มั้ยว่าทำไมกระแสสังคมเค้าถึงถล่มด่าพวกมึงจนไม่มีที่ยืน แล้วให้ความเห็นใจช่วยเหลือทางบาสเต็มที่

อย่างนึงที่กูรู้คือ สังคม คนที่มีจิตใจปกติ ทำมาหาแดก ไม่ใช่เก๋าโจ๋วนักเลง เค้าดูมาหลายข่าว และเค้าเบื่อ เกลียด

ทนไม่ไหวแล้ว กะพฤติกรรมหมาหมู่!!!

ตัวคนเดียวนี่ขี้ขลาด หงอยเป็นลูกหมา

แต่พอโทรตามพวกมาเป็นฝูง นี่มึงผงาดเป็นราชสีห์ เลย ถุย

ไอ้ตัวต้นเรื่องนี่ปาของเข้าบ้านเค้าก่อนเลย

ไอ้คนที่ควรโดนเพื่อนตบกบาลที่สุดคือไอ้นี่แหละ ที่โทรตามเพื่อนไปโดน

อย่าตอแหลว่ามึงมาเคลียร์

มึงตามพวกมาจะรุมกระทืบเค้าที่บ้าน เพราะอยู่คนเดียวมึงหงอไง มึงไม่กล้า

แต่มาล้อมบ้านมัน มึงรู้ว่ามันคนเดียว พวกมึง6

กล้าสาบานให้พ่องงงบึ้มมั้ยล่ะ

แล้วสันดานอย่างพวกมึง กูรู้

ถ้าบาสมันออกไปคุยดีๆ เฉยๆ มันจะมีตัวเปิดตัวนึง หาจังหวะใส่ก่อนเลย พอไอ้บาสล้ม ก็รุมแดกโต๊ะจีนกันทั้งตีนทั้งไม้ เตะหัว เตะหน้าสารพัด

และจบที่ ไอ้บาส ตาย หรือไปนอนสมองบวมอยู่รพ.

กูและประชาชน เค้าเห็นมาหลายข่าวแล้ว

เกลียดชิบหาย!!

สิ่งที่ไอ้บาสทำมันอาจไม่ถูกต้องหรอก

แต่มันเป็นสิ่งที่คนเค้าดูแล้ว รู้สึกในใจว่า

"เออออ!! แบบนี้สิวะ ที่คนๆเดียวที่แม่งถูกฝูงหมาหมู่มาล้อมบ้าน แล้วแม่งกล้าออกไปลุยออกไปสู้

เออออ แบบนี้แหละที่ไอ้พวกหมาหมู่เก่งแต่พวกเยอะ แล้วรุมคนอื่น มันสมควรโดนคนจริงแบบนี้บ้าง "

กูไม่ได้มาพูดเพื่อสนับสนุน ให้คนมีเรื่องแล้วคว้ามีดออกมาแทงกัน

กูแค่บอกให้พวกมึงรู้ว่า ทำไมคนถึงเห็นใจไอ้บาสมากมาย และมองพวกมึง6คนเป็นขยะสังคม

หวังว่าวัยรุ่นทั้งหลาย คงคิดได้

 

- หมอช้าง ทศพร เผย 2 ราศี หลังเดือนตุลาคม มีเกณฑ์เหนื่อยเกี่ยวกับเรื่องงาน

- ผู้ว่าฯเลย สั่งปิด "สนามฟุตบอล" ชั่วคราว หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด

- ต้านไม่ไหว 3 อำเภอ ขนของขึ้นที่สูง "เขื่อนทับเสลา" น้ำล้น หลังเจอพายุ2 ลูกติด

เลิกเถอะ วัยรุ่น !!!

ไอ้พฤติกรรมหมาหมู่ โทรตามพวก พอคนล้ม หรือสลบไปแล้ว หมดทางสู้แล้วแล้วพวกมึงมารุมฟัน รุมเตะหัว กระทืบหัวเค้า

แม่งไม่ได้เท่ ไม่ได้เก๋าXXXอะไรเลย

ตรงข้าม พวกมึงแม่งดูกระจอกชิบหาย!!...เชื่อกู

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews