หลังจากที่เป็นประเด็นดัง กรณีธนาคารโดนแฮก ทำให้บัญชีธนาคารของหลานคนโดนดูดเงินออกจากบัญชี บางรายโดยจำนวนเยอะ บางรายโดนที่ละไม่กี่บาทแต่หลายครั้ง ความเสียหายเบื้องต้นคือไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ด้านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงถึงว่า ตอนนี้ได้ข้อสรุปกับทางธนาคารแล้วว่า ธนาคารจะรับเป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ประชาชนไม่ต้องแจ้งความกับตำรวจแล้วว่าเงินสูญหายจากบัญชี ทางธนาคารจะชดใช้เงินคืนให้กับลูกค้าเองภายใน 5 วันทำการ
"จะมีการตั้งผู้ประสานงานของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการสอบสวน และการนำเงินคืนมาให้กับผู้เสียหาย ตัดขั้นตอนและระยะเวลาการทำเรื่องของแต่ละฝ่ายลง จะช่วยให้จับกุมคนร้ายและอายัดบัญชีได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ มีบัตรเครดิตที่ถูกล้วงข้อมูลแล้ว 5,700 ใบ, บัตรเดบิต 4,800 ใบ รวมมูลค่าความเสียหาย 100 ล้านบาท" พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร.กล่าวแถลง
ขณะเดียวกัน ตัวแทนสมาคมธนาคารไทย และสถาบันการเงินต่างๆ ได้เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ตอนนี้ทุกธนาคารทราบข้อมูลหมดแล้วว่า มีลูกค้าหรือบัญชีที่ถูกก่อเหตุอีกราย ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวและการใช้จ่ายจากบัญชีว่าเข้าข่ายปัญหาหรือไม่ หรือเงินถูกโอนไปยังบัญชีไปยังคนที่ธนาคารกำลังจับตามองดู
"หากลูกค้าพบว่าเกิดความผิดปกติ แต่ไม่ได้รับการติดต่อคืนเงินจากธนาคาร สามารถแจ้งไปยังธนาคารเจ้าของบัญชีได้ทันทีเพื่อให้ตรวจสอบ หากพบว่าเป็นความผิดพลาดจากกรณีดังกล่าว ธนาคารจะรีบคืนเงินใน 5 วันเหมือนกับลูกค้ากลุ่มแรก ไม่ต้องแจ้งความกับตำรวจ" ตัวแทนสมาคมธนาคารไทย อธิบาย
ดังนั้นวิธีขอเงินคืนหลังจากโดนแฮก หรือ โดนดูดเงินจากธนาคารคือ ประชาชนที่เป็นผู้เสียหายสามารถไปทีธนาคารที่ตนเองเปิดบัญชีได้โดยตรงได้ ซึ่งทางธนาคารจะรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายให้กับประชาชนเองภายใน 5 วันทำการ
อย่างไรก็ตาม สำหรับวิธีการที่คนร้ายใช้ดูดเงินจากบัญชีธนาคารนั้นคือ อาศัยช่องว่างในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของธนาคาร และขโมยข้อมูลส่วนตัวของบัตรต่างๆ หรือโยกย้ายเงินไปบัญชีอื่น ซึ่งยืนยันว่า คนร้ายไม่สามารถจะระบบของธนาคารต่างๆ ได้ แต่จะใช้วิธีล้วงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าหรือข้อมูลบัตรเดบิต เครดิต 5 รูปแบบ เช่น การขโมยเลขที่บัตร, การขโมยวันหมดอายุบัตร, เลขความปลอดภัย 3 หลัก ตอนนี้ธนาคารจะร่วมหาวิธีป้องกันไม่ให้เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำ
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews