จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2564 นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี หรือ "เฮียฝา" ซึ่งเป็นเศรษฐีร้อยล้านแห่งตลาดหนองตม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้ร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกลูกเลี้ยงยักยอกเงินในบัญชีกว่า 50 ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบพบว่ามีการโยกย้ายเข้าบัญชีของลูกเขยซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการธนาคาร ส่วนลูกสาวเป็นลูกเลี้ยง เป็นลูกติดของภรรยา
โดยลูกชายคนโตของเฮียฝาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันที่ 13 ตุลาคม ว่า ได้รับการติดต่อจากธนาคารส่วนกลางโทรศัพท์แจ้งว่า วันนี้จะได้รับการติดต่อจากธนาคารอีกครั้ง ให้รอรับโทรศัพท์ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นตนยังไม่ทราบเพราะว่าสายที่โทรมาแจ้งไม่ได้บอก บอกเพียงวันนี้ธนาคารจะติดต่อหา ซึ่งตนเองรอโทรศัพท์อยู่ว่าทางธนาคารจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นว่าอย่างไร รวมถึงจะสอบถามบัญชีธุรกรรมทางการเงิน หรือสเตทเมนท์แบบละเอียด 6 บัญชี จาก 9 บัญชี ที่ยังไม่ได้รับว่าอย่างไร เพราะว่าตนและพ่อรอสเตทเมนท์เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินมานานถึง 2 ปีแล้ว
ทางฝั่งพี่เขยอดีตผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหาตนแล้ว พร้อมยืนยันว่าส่วนที่เขาได้ไป ดำเนินการถูกต้องทุกอย่างเพียงเท่านั้น ซึ่งตนก็ยืนยันเหมือนกันว่าที่ตนและพ่อออกมาพูดก็ถูกต้องเช่นกัน ก่อนจะวางสายไป
ด้านเฮียฝาเผยติดใจ เนื่องจากเมื่อไปดูหลักฐานการโอนเงินมีความผิดปกติ เราดีกับเขาแต่เขาไม่ดีกับเรา เอาเปรียบพ่อแม่ นับตั้งแต่แบ่งมรดกกันไม่มีการพูดคุยกัน ตอนแบ่งเงินกันเราก็ไม่ว่า แต่เขาเอาเปรียบเอามากเกินไป
กระทั่งล่าสุดวันที่ 21 ตุลาคม 2564 มีรายงานความคืบหน้าว่าธนาคารได้ให้สเตทเมนต์ส่วนที่เหลืออีก 6 บัญชีจนครบถ้วนแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อตรวจสอบดูกลับพบว่ามีการถูกถอนโดยไม่มีการใช้สมุดคู่ฝากตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 จนถึงปี พ.ศ.2557 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นกว่า 199 ล้านบาท
ซึ่งทางธนาคารได้ติดต่อมาแล้วและนัดพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ 26 ต.ค.นี้ และหลังจากมีการเผยแพร่ข่าวออกไปคู่กรณีก็ยังไม่ติดต่อมาพูดคุยหรือชี้แจงใดๆ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นลูกเลี้ยงแต่ก็รักเหมือนลูกแท้ๆ ส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาทุกคน ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะต้องมีเรื่องขึ้นโรงพัก จึงต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป